กทค.สรุปกองทุนโครงสร้างพื้นฐานทรู ชี้ต้องเข้าพรบ.โทรคมฯ2544

กทค.สรุปกองทุนโครงสร้างพื้นฐานทรู ชี้ต้องเข้าพรบ.โทรคมฯ2544

วันพุธ ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2556, 06.00 น.
Tag :

กทค.สรุปกองทุนโครงสร้างพื้นฐานทรู

ชี้ต้องเข้าพรบ.โทรคมฯ2544

สั่งคืนเงินพีเพด1800ให้ลูกค้า

พันเอกเศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และประธานกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) เปิดเผยภายหลังการประชุมบอร์ด กทค.เมื่อวันที่ 17 ก.ย. 2556ว่า ที่ประชุมมีมติ ให้บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนไทยพาณิชย์ จำกัด ที่ขอจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ของบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE  ดังนี้  

                 1. ปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบภายใต้การกำกับดูแล ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)  2.กองทุนฯ จะต้องขอ ใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม แบบที่ 3 ภายใต้ พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544 โทรคมนาคม  โดยหากการจัดตั้งกองทุนฯไม่สามารถจัดตั้งได้ เนื่องจากขัดต่อกฏหมาย ก.ล.ต.ทาง  กองทุนฯ ดังกล่าวจะต้องจัดตั้ง นิตบุคคลแทน กองทุน เพื่อ ขอยื่นใบอนุญาตประกอบกิจการ แบบที่ 3


              นอกจากนี้ ที่ประชุม ยังได้ประชุมร่วมกับ ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ระบบ 1800  เมกะเฮิตรซ์ (MHz) ได้แก่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ให้สัญญาสัมปทาน ,บริษัท ทรูมูฟ จำกัด,บริษัท ดิจิตอลโฟน จำกัด (ดีพีซี) โดยที่ประชุม กทค. ได้มีนโยบาย ให้ กสทฯ ทรูมูฟ และดีพีซี กรณีเงินที่คงค้างอยู่ในระบบซิมการ์ด  ซึ่งเงินที่ค้างอยู่จะต้องส่งคืนให้กับประชาชน รวมถึงการโทรเข้า สายด่วน Call Center  จะต้องไม่คิดค่าบริการด้วย

              ทั้งนี้หลังจากสัญญาสัมปทานสิ้นสุดลง ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย. จำนวนลูกค้าที่อยู่ในระบบ 7,4219 เลขหมาย  ดีพีซีทั้งหมด เป็นลูกค้าในระบบรายเดือน (โพสเพด) ซึ่งจะส่งคืนเงินให้แก่ผู้ใช้บริการ เป็นระบบเช็คเงินสด ขณะที่ ทรูมูฟ มีลูกค้าในระบบแบ่งเป็น โพสเพด 346,156 เลขหมาย และระบบเติมเงิน (พรีเพด) จำนวน 17,409,565 เลขหมาย โดยมีเงินค้างในระบบราว 428,089,702.68 บาท

               ผู้สื่อข่าวรายงานจาก กสทช.ว่า หลังจากการจัดให้มีการซื้อซองประมูลทีวีดิจิตอลในสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่าผู้ซื้อซองประมูลส่วนใหญ่ยังกังวลสำหรับประเด็นต้นทุนค่าเช่าโครงข่ายทีวีดิจิตอล ว่าจะอยู่ที่เท่าใด

              ขณะที่ นายเจษฎา พรหมจาต หัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า อสมท เสนอคิดราคาค่าเช่าโครงข่ายอัตราเดียว 60 ล้านบาทต่อปีสำหรับช่องความคมชัดปกติ (เอสดี) และ 180 ล้านบาทต่อปีสำหรับช่องความคมชัดสูง (เอชดี) โดยราคาดังกล่าวจะคงไว้สำหรับ 5 ปีแรก และหลังจากนั้นจะมีกาปรับราคาขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อปีละ 3%โดย เป็นการคิดคำนวณจากการลงทุนโครงข่ายที่ต้องใช้จริง 1.6 พันล้านบาท ซึ่งจุดเด่นจะครอบคลุมทั่วประเทศและสามารถรับสัญญาณภายในอาคารภายใน 2 ปี และรองรับการส่งสัญญาณสู่โทรทัศน์เคลื่อนที่บนโทรศัพท์เคลื่อนที่(โมบาย ทีวี)

                ส่วนนายมงคล ลีลาธรรม รองผู้อำนวยการคณะกรรมการนโยบายองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.)กล่าว ว่า ไทยพีบีเอสจะจัดเก็บเป็น 2 อัตรา โดยในปีแรกจะจัดเก็บ 31 ล้านบาทต่อปีสำหรับช่องเอสดีและ 94.8 ล้านบาทต่อปีสำหรับช่องเอชดี ซึ่งจะครอบคลุมประชากร 65% ของประเทศ หรือ 15 ล้านครัวเรือน ขณะที่ปีที่ 2 จะครอบคลุมพื้นที่หลัก 39 สถานี 95% ของ ประเทศ ตามที่ กสทช. กำหนด โดยค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 48 ล้านบาทต่อปีสำหรับช่องเอสดีและ 144 ล้านบาทต่อปีสำหรับช่องเอชดี ซึ่งในระหว่าง 2 ปีแรกจะดำเนินการขยายโครงข่ายสำหรับจุดอับสัญญาณและเสาสถานีเสริม 134 สถานีควบคู่กันไป และคาดว่าจะครอบคลุม 80% ในเขต เทศบาลตามที่ กสทช. กำหนด ภายใน 4 ปี ตามประกาศ  กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้บริการโครงข่ายกระจายเสียงหรือโทรทัศน์   โดยหลักจากนั้นจะมีการปรับพิจารณาเพิ่มอัตราค่าเช่าในทุก 3 ปี ตามอัตราเงินเฟ้อ

                ขณะที่กองทัพบกและกรมประชาสัมพันธ์คิดในอัตราเดียวกัน เนื่องจากใช้เสาสัญญาณเดียวกัน โดยปีแรกครอบคลุม 50% ของพื้นที่ คิดอัตราค่าเช่า 36 ล้านบาทต่อปีสำหรับช่องเอสดีและ 72 ล้านบาทสำหรับช่องเอชดี ขณะที่ปีที่ 2 จะครอบคลุมประชากร 95%ของ ประเทศ โดยคิดอัตราค่าเช่า 57.6 ล้านบาทต่อปีสำหรับช่องเอสดีและ 172.8 ล้านบาทต่อปีสำหรับช่องเอชดี หลังจากนั้นจะมีการพิจารณาปรับขึ้นทุกๆ 3 ปีตามอัตราเงินเฟ้อ

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top