ดัชนีผู้บริโภคยังไม่ผงกหัว ร่วงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 และลงต่ำสุดในรอบ 12 เดือน หลังประชาชนยังมีความวิตกเรื่องเศรษฐกิจในประเทศ และเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ปัญหาการเมือง การเบิกจ่ายงบล่าช้า ซ้ำเจอปัญหาน้ำท่วม ลากกำลังซื้อในประเทศทรุดยาวไปจนถึงไตรมาส 4 หอการค้าเตรียมปรับลดจีดีพีเป็นครั้งที่ 2
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ศูนย์พยากรณ์ฯ เตรียมที่จะมีการปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจไทยในปีนี้เป็นครั้งที่ 2 ในช่วงกลางเดือน ต.ค.นี้ จากก่อนหน้านี้มีการปรับลดมาแล้ว 1 ครั้งจาก 4.0-4.5% เหลือ 3.5-4.0% เนื่องจากดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคยังคงมีการชะลอตัวลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน และการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวและส่งออกในเดือน ส.ค.ยังไม่มีสัญญาณการฟื้นตัวชัดเจน
“เราจะมีการปรับประมาณการจีดีพีเป็นครั้งที่ 2 ของปี ซึ่งแน่นอนว่าส่วนหนึ่งมาจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ยังลดต่ำลงต่อเนื่อง รวมถึงภาคการส่งออกและท่องเที่ยวยังฟื้นตัวได้ไม่ชัดเจนจากที่เราคาดการณ์ไว้ในเดือนต.ค. ซึ่งคาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวชัดเจนของภาคการท่องเที่ยวและส่งออกในช่วงปลายเดือนพ.ย.” นายธนวรรธน์ กล่าว
นายธนวรรธน์ยังได้แถลงถึงผลการสำรวจ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย. 2556 อยู่ที่ 77.9 ลดลงจากเดือนก่อนที่อยู่ 79.3 ซึ่งเป็นการปรับลดลงเดือนที่ 6 ติดต่อกัน โดยมีผลมาจากการปรับลดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจหรือจีดีพี ปี 2556 มาอยู่ที่ 3.5-4.0% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 4.5% ของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
นอกจากนี้ผู้บริโภคยังมีความกังวลจากสถานการณ์น้ำท่วมที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองในส่วนของความล่าช้าจาก พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 ที่ไม่สามารถประกาศบังคับใช้เป็นกฎหมายได้ทันวันที่ 1 ต.ค. 2556 ซึ่งเป็นวันเริ่มต้นงบประมาณ 2557 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการเบิกงบลงทุน
ในการใช้จ่ายโครงการลงทุนของภาครัฐ
“ปัจจัยลบที่สำคัญ ประกอบด้วย ความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วม, ความล่าช้าของพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 ที่ไม่สามารถใช้ได้ทัน 1 ต.ค., สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ปรับลดประมาณการ GDP ปี’56 เหลือขยายตัว 3.7% จากเดิมคาดเติบโต 4.5%, ขณะที่หลายหน่วยงานปรับลดคาดการณ์การส่งออกปีนี้เหลือเติบโตแค่ 1-3% เท่านั้น และ ความไม่แน่นอนของสถานการณ์ทางการเมือง จากคำร้องคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่วนปัจจัยบวก มีเพียงเรื่องค่าเงินบาทที่ปรับอ่อนค่าลง และราคาน้ำมันในประเทศที่ปรับลดลง” นายธนวรรธน์กล่าว
ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อเศรษฐกิจโดยรวมเดือนก.ย.อยู่ที่ 67.9 ลดลงจากเดือนส.ค.ที่อยู่ 69.5 ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำสุดในรอบ 12 เดือน นับตั้งแต่เดือน ต.ค.2555 เป็นต้นมา
ในขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานอยู่ที่ 70.6 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ 95.1 โดยปัจจัยลบที่สำคัญมาจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ประกอบกับความชัดเจนของสหรัฐเกี่ยวกับมาตรการผ่อนคลายการเงิน (QE) รวมทั้งความกังวลการแก้ไขเพดานหนี้และงบประมาณที่ไม่ผ่านการพิจารณาของสหรัฐ ซึ่งจะส่งผลกระทบในเชิงลบต่อทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย
“การบริโภคของประชาชนจะชะลอตัวลงต่อเนื่องไปจนถึงช่วงกลางไตรมาส 4 เป็นอย่างน้อย เนื่องจากยังไม่มีสัญญาณว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวขึ้นมาได้ เว้นแต่ว่าหากรัฐบาลสามารถคลี่คลายสถานการณ์ทางการเมืองให้มีเสถียรภาพโดยเร็ว และเร่งรัดการใช้งบประมาณผ่านนโยบายการคลัง เพื่อให้มีเงินหมุนเวียนในการฟื้นฟูเศรษฐกิจมากขึ้น เชื่อว่าจะส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้บ้างในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้”
ด้านนางธาริษา วัฒนเกส อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจไทย ว่าเมื่อมองทั้งปี 2556 ยังเติบโตไม่สูงมากนัก แต่ปี 2557 จะมีทิศทางที่ดีขึ้นจากกำลังซื้อของโลกที่จะทำให้ความสามารถในการส่งออกเพิ่มขึ้น โดยในส่วนของธปท.เชื่อว่าจะมีเครื่องมือดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจในประเทศได้ แม้จะมีความผันผวนเพิ่มมากขึ้นแต่ก็เชื่อว่าจะดูแลให้เป็นไปตามกลไกตลาด ขณะเดียวกันจะไม่ปล่อยให้อัตราแลกเปลี่ยนให้เป็นไปในทิศทางใดทางหนึ่งมากจนเกินไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี