ก.พลังงานพล่านรับมือ14จว.ภาคใต้ไฟดับ
เหตุแท่นก๊าซแหล่งเจดีเอหยุดซ่อม
ยอมรับอาจต้องเลือกดับไฟบางพื้นที่
นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ตั้งแต่ปลายปีนี้ถึงช่วงกลางปีหน้าไทยจะมีแหล่งก๊าซหยุดซ่อมบำรุงท่อ 3 ช่วงคือ แหล่งเยตากุน สหภาพเมียนมาร์ 25 ธันวาคม 2556- 8 มกราคม 2557 แหล่งก๊าซบงกชในอ่าวไทย 10 เมษายน-5 พฤษภาคม 2557 พื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย(ท่อเจดีเอ) ซึ่ง 2 ช่วงแรกมีแผนรับมือไม่มีปัญหา แต่แหล่งเจดีเอน่าเป็นห่วงที่สุดจึงได้มอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงาน(ธพ.) ไปเจรจากับโรงกลั่นน้ำมัน 3 แห่ง ได้แก่ ไทย ออยล์ เอสโซ่ และบางจากเพื่อให้เลื่อนการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นที่จะหยุดบางหน่วยช่วงเดียวกับที่ท่อก๊าซธรรมชาติพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย(ท่อเจดีเอ) แหล่งเอ 18 หยุดซ่อมระหว่าง 13 มิถุนายน-10 กรกฎาคม 2557 เพื่อไม่ให้กระทบกับแผนผลิตไฟฟ้าป้อนพื้นที่ภาคใต้ซึ่งประเมินผลจากท่อเจดีเอหยุดจะกระทบให้โรงไฟฟ้าจะนะ จ.สงขลา กำลังผลิต 720 เมกะวัตต์ ต้องหยุดผลิตทั้งหมด
นายสุเทพกล่าวว่า ปริมาณก๊าซธรรมชาติที่จะจัดหามาได้จากแหล่งเจดีเอ จะถูกส่งเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าจะนะ จังหวัดสงขลา ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)รวม 720 เมกะวัตต์ เพื่อป้อนให้กับประชาชนในภาคใต้ หากแหล่งเจดีเอหยุดซ่อมบำรุง ก็จะทำให้ปริมาณไฟฟ้าหายไปรวม 720 เมกะวัตต์ ขณะที่ 14 จังหวัดภาคใต้ มีความต้องการใช้ไฟฟ้าในปีที่ผ่านมา 2,300 เมกะวัตต์ และคาดว่าในปีนี้จะมีความต้องการใช้รวม 2,500 เมกะวัตต์ ตามอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ ขณะที่กำลังการผลิตจากโรงไฟฟ้าในภาคใต้มีอยู่รวม 1,600 เมกะวัตต์ ทำให้ต้องนำไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าราชบุรี จ.ชลบุรี 500 เมกะวัตต์ และซื้อไฟฟ้าจากมาเลเซียเพิ่มเติมอีก 300 เมกะวัตต์ เพื่อเสริมความมั่นคงทางพลังงาน ขณะที่ในปี 2557 ก็คาดว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าในภาคใต้ จะมีเพิ่มขึ้นอีก 250 เมกะวัตต์
นอกจากนี้ให้กฟผ.ไปเจรจากับมาเลเซีย เพื่อขอรับซื้อไฟฟ้าจากมาเลเซียเพิ่มขึ้น แต่หากมาเลเซียไม่สามารถเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อป้อนไฟฟ้าเพิ่มขึ้นให้กับประเทศไทยได้ ก็ต้องขอให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(เรกูเลเตอร์)ไปขอให้โรงไฟฟ้าแห่งอื่นๆ เพิ่มกำลังการผลิตและป้อนไฟฟ้ามาสำรองให้กับภาคใต้แทน รวมทั้งขอความร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(สอท.)และสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ขอความร่วมมือจากสมาชิกของ 2 องค์กร ลดการใช้ไฟฟ้าโดยเฉพาะผู้ประกอบการในภาคใต้ เพื่อลดปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าแบบเข้มข้นในระหว่างวันที่ 13 มิ.ย.-10 ก.ค. 2557 โดยคาดว่าจะสามารถลดความต้องการใช้ไฟฟ้าได้ประมาณ 800 เมกะวัตต์
นอกจากนั้นได้สั่งการให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เร่งรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในภาคใต้ ประหยัดการใช้ไฟฟ้าในช่วงเวลาดังกล่าว เป็นกรณีพิเศษ และสั่งการให้กฟผ.ไปสำรวจโรงไฟฟ้าพลังน้ำในสังกัดของกฟผ.ว่า หากมีเหตุฉุกเฉิน ต้องใช้โรงไฟฟ้าพลังน้ำมาผลิตไฟฟ้า จะสามารถนำมาผลิตไฟฟ้าได้จำนวนกี่เมกะวัตต์ เพื่อที่จะได้สามารถเพิ่มปริมาณไฟฟ้าเข้ามาในระบบได้อย่างรวดเร็วที่สุดภายใน 5 นาที และเป็นมาตรการสุดท้ายหากทั้ง 5 แผนยังไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์ได้ คือ การขอความร่วมมือประชาชนในภาคใต้เพื่อขอดับไฟฟ้าเป็นรายจังหวัดแต่จะมีการเลือกพื้นที่ดับไฟฟ้าเป็นพื้นที่ที่ไป โดยจะไม่เข้าไปดับไฟฟ้าในหน่วยงานราชการสำคัญ อาทิ โรงพยาบาล แหล่งท่องเที่ยวขนาดใหญ่ โรงงานอุตสาหกรรมเป็นต้น
ด้านนายสมนึก บำรุงสาลี อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) กล่าวว่า ธพ.อยู่ระหว่างการเจรจาโรงกลั่นน้ำมันให้เลื่อนซ่อมบำรุงออกไปเพื่อไม่ให้ตรงกับช่วงท่อ JDA หยุดจ่าย โดยภาพรวมการใช้น้ำมัน 10 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-ต.ค.) 2556 พบว่ามีการปรับขึ้นจากช่วงเดียวกันโดยกลุ่มเบนซินเพิ่มขึ้น 8% เฉลี่ยที่ 22.4 ล้านลิตรต่อวัน ดีเซลปรับขึ้น 2% เฉลี่ยที่ 57 ล้านลิตรต่อวัน LPG เพิ่มขึ้น 2% อยู่ที่ 20.2 พันตันต่อเดือนและ NGV เพิ่มขึ้น 11% อยู่ที่ 8.5 ล้านกิโลกรัมต่อวัน ส่วนการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง ต.ค. 2556 มีทั้งสิ้น 9.4 หมื่นบาร์เรล ต่อวัน เพิ่มขึ้น 0.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นมูลค่า 937,608 ล้านบาท ลดลง 6.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี