ต้องยอมรับว่าในยุคที่สื่อประเภทวิทยุโทรทัศน์ เกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะพวกทีวีดาวเทียม ที่เกิดขึ้นราวดอกเห็ด ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมอย่างหนาหูว่า มีการโฆษณาสินค้าที่ไม่เหมาะสมหลุดลอดออกมาจากสื่อประเภทนี้จำนวนมาก และหน่วยงานที่มีหน้ากำกับดูแลก็เหมือนจะจัดการแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ล่าช้า ทำให้เราเห็นการโฆษณาสินค้าที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของประชาชน ยังคงคาจอทีวี.อยู่ทุกวันนี้
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมามีหลายองค์กร หลายหน่วยงานพยายามมจะสะท้อนปัญหา พยายามจะหาทางแก้ไข เช่น สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ได้เปิดเวทีรับฟังความเห็นต่อเอกสารเชิงนโยบาย (ร่าง 1) เมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งมีการเชิญผู้แทนจากภาคีเครือข่ายสุขภาพ 77 จังหวัด พร้อมด้วยนักวิชาการและหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม เพื่อระดมความเห็นต่อแผนยุทธศาสตร์ การจัดการปัญหาโฆษณาที่ผิดกฎหมายของยา อาหาร และผลิตภัณฑ์สุขภาพทางวิทยุกระจายเสียง สื่อโทรทัศน์ อินเตอร์เนต” และ 2.ร่างระเบียบวาระ เรื่อง “การกำกับดูแลสื่อในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสุราและยาสูบ” เพื่อนำไปสู่ปรับปรุงแก้ไขร่างมติฉบับนี้ให้สมบูรณ์แบบ ก่อนนำไปรับฟังความคิดเห็นจากสมัชชาจังหวัดทั่วประเทศ จากนั้นจะนำเข้าที่ประชุมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ เพื่อผลักดันไปสู่การปฏิบัติต่อไป
ทั้งนี้ เสียงจากเวทีรับฟังความคิดเห็นต่อร่างมติ ได้ผู้เข้าร่วมประชุมได้สะท้อนถึงปัญหาและเสนอหัวข้อให้สำนักคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) พิจารณาเพิ่มเติมเรื่องการตัดทอนวงจรเหล่านี้ตั้งแต่ระดับ “ต้นทาง” คือผู้จำหน่ายยาและอาหารเสริม พร้อมตัดตอนแนวทางการชักชวนให้ผู้บริโภคนำสินค้าไปขายต่อ รวมทั้งการควบคุมไม่ให้ แพทย์ พยาบาล มาทำหน้าที่เป็น “พรีเซ็นเตอร์” สินค้าเสียเอง นอกจากนั้น ยังเสนอให้มีการลงโทษด้วยการให้ กสทช.ขึ้นบัญชีดำหรือแบล็กลิสต์ สื่อที่เน้นการโฆษณาซ้ำๆ ให้กับสินค้าเหล่านี้ด้วย
ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา อย.และกสทช.มีการปรับปรุงระบบข้อมูลข่าวสารให้ทันสมัย เปิดสายด่วนรับเรื่องร้องเรียน มีประชาชนแจ้งเบาะแสและพบการกระทำผิด ขอให้จัดการโฆษณาที่ผิดกฎหมายจำนวนมาก พร้อมกันนั้น ยังได้มุ่งเน้นรณรงค์เรื่องจริยธรรมและการควบคุมกันเองของสื่อสารมวลชน การส่งเสริมความรู้ให้กับผู้บริโภคและผู้ประกอบการ เป็นต้น
อุบล หลิมสกุล คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ สะท้อนให้เห็นปัญหาการโฆษณายาและผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพ พบว่า ผู้ประกอบการต้องการแสดงให้เห็นว่า สินค้านั้นมีความน่าเชื่อถือ จึงนำผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์ นักวิชาการ นักวิจัย มาเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณาสินค้า จึงเสนอให้ระบุมาตรการเพิ่มเติม เรื่องการควบคุมดูแลบุคลากรที่เกี่ยวข้อง และมุ่งเน้นจริยธรรมในวิชาชีพกลุ่มนี้ ในร่างยุทธศาสตร์ฯดังกล่าวด้วย
ขณะที่ ธนกร จรุงจันทร์ ตัวแทนสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล กล่าวว่า การโฆษณามีผลในกลุ่มผู้สูงอายุและคนพิการที่อยู่ในบ้านเป็นประจำ มักเสพสื่อจากเคเบิลทีวีและเห็นการโฆษณาสินค้าเหล่านี้แบบซ้ำๆ จนเกิดความอยากได้ สุดท้ายผู้ที่เดือดร้อน คือลูกหลานที่ต้องหาซื้อผลิตภัณฑ์มาให้ จึงขอเสนอให้ดำเนินการกับต้นเหตุสำคัญ คือผู้ประกอบการที่เป็นเจ้าของสถานี
“ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้แก่ กสทช. อย. และ สคบ. ควรมีมาตรการลงโทษเจ้าของสถานีที่อนุญาตให้นำสื่อประเภทนี้มาออกอากาศ เช่น ยึดใบประกอบกิจการ เอาชื่อขึ้นแบล็กลิสต์ เชื่อว่าถ้าตัดวงจรตรงนี้ได้ สินค้าเหล่านี้ก็จะไม่สามารถไปโฆษณาที่ไหนได้”
ดร.นิษฐา หรุ่นเกษม อาจารย์จากมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร กล่าวว่า จากการลงพื้นที่พบเด็กและเยาวชนซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญของสินค้าเหล้าและบุหรี่ในปัจจุบัน พบว่า ผู้ประกอบการได้ใช้ช่องทางโฆษณาทั้งทางตรงและทางอ้อมผ่านสื่อสารมวลชน และวิธีสื่อสารการตลาด ทำให้เกิดนักสูบและนักดื่มหน้าใหม่มากขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดมีการเผยแพร่การโฆษณาผ่านเฟซบุ๊คแต่กฎหมายปัจจุบันยังดำเนินการไปไม่ถึง
นอกจากนั้น ยังมีข้อเสนอให้สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ พิจารณาให้หน่วยงานภาครัฐ จัดสรรงบประมาณการประชาสัมพันธ์ต่อสาธารณชน เพื่อยกย่องและสดุดี สื่อน้ำดี ที่ช่วยเสนอพิษภัย อันตราย ของสินค้าเหล้าและบุหรี่ เป็นการหาแนวร่วม เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อ สนับสนุนพื้นที่โฆษณาแก่บริษัทเหล้าบุหรี่ รวมทั้งยังมีข้อเสนอให้ปรับหลักสูตรในโรงเรียน เพิ่มโทษของเหล้าและบุหรี่ ช่วยให้นักเรียนตระหนักถึงอันตรายเพิ่มขึ้นด้วย
และจากความเห็นทั้งหมดข้างต้น จึงถูกนำมาประมวลแล้วกำหนดในร่างแผนยุทธศาสตร์ฯ นำเสนอมาตรการแก้ปัญหาไว้ 5 หัวข้อ ประกอบด้วย 1.การพัฒนานโยบายและโครงสร้างการบริหารจัดการปัญหาการโฆษณาที่กระทำผิดกฎหมาย 2.บูรณาการกฎหมายระหว่างหน่วยงาน ปรับปรุงกฎระเบียบและการบังคับใช้อย่างมีประสิทธิภาพ 3.พัฒนาศักยภาพวิชาชีพด้านสื่อเกี่ยวกับการโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพ 4.สร้างและพัฒนาเครือข่ายการเฝ้าระวังการโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพ 5.พัฒนาระบบงานสนับสนุนและเฝ้าระวัง
ดังนั้นจึงต้องติดตามในการประชุมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติครั้งที่ 7 พ.ศ. 2556 ภายใต้แนวคิด “สานพลัง สร้างสุขภาวะชุมชน” วันที่ 26-28 มีนาคม 2557 ณ ศูนย์การประชุมสหประชาชาติ กรุงเทพฯ มี 2 ประเด็นสำคัญ ที่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของผู้บริโภคและเกี่ยวข้องกับบทบาทหน้าที่ของสื่อมวลชน ในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ได้แก่ 1.ร่างระเบียบวาระ “แผนยุทธศาสตร์ การจัดการปัญหาโฆษณาที่ผิดกฎหมายของยา อาหาร และผลิตภัณฑ์สุขภาพทางวิทยุกระจายเสียง สื่อโทรทัศน์ อินเตอร์เนต” และ 2.ร่างระเบียบวาระ เรื่อง “การกำกับดูแลสื่อในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสุราและยาสูบ”
ที่บอกว่าต้องจับตามองเวทีการประชุมที่ว่านี้ก็เพราะว่าสิ่งที่ได้ถูกลั่นออกมาจากแนวคิดและข้อเสนอทั้งหลาย จะมีการนำไปปฏิบัติให้ออกมาเป็นรูปธรรมอย่างไร มีการผลักดันมาตรการต่างๆ ที่ถูกนำเสนอผ่านเวทีระดมความคิดเห็นอย่างไร เพราะหากยังทำให้เป็นการระดมคนมาพูดๆๆๆๆ อย่างเดียว สังคมไทย เยาวชนไทย ก็ตกอยู่ในภาวะอันตรายอย่างยิ่งในยุคที่ทุนนิยมเป็นใหญ่ และครอบงำไปทุกอณูของสังคมแม่แต่ในวงการสื่อสารมวลชน....
อนันตเดช พงษ์พันธุ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี