รายงานข่าวจาก บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด แจ้งว่า บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ ประกาศเปิดตัวฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริดรุ่นใหม่ ซึ่งพร้อมทำตลาดญี่ปุ่นตั้งแต่ วันที่ 21 มิถุนายนเป็นต้นไป โดยมาพร้อมกับการปฏิวัติระบบขับเคลื่อนด้วยแนวคิดใหม่ของขุมพลัง Sport Hybrid i-MMD ซึ่งทำให้แอคคอร์ด ไฮบริดสามารถตอบสนองสุนทรีย์ในการขับขี่สมกับเป็นซีดานระดับพรีเมียม และให้ความประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 30 กิโลเมตร/ลิตร
นอกจากรุ่นไฮบริด ฮอนด้ายังส่งรุ่น Plug-in แบบไฮบริดที่พัฒนาอยู่บนพื้นฐานของรุ่นไฮบริดซึ่งสามารถเสียบปลั๊กชาร์จกระแสไฟฟ้าผ่านทางปลั๊กตามบ้านได้ โดยในรุ่นนี้จะมีความประหยัดน้ำมันอยู่ในระดับ 70.4 กิโลเมตร/ลิตรซึ่งในรุ่น Plug-in Hybrid จะเปิดโอกาสให้ผู้ขับขี่สามารถขับด้วยโหมดไฟฟ้า หรือ EV Mode ในการใช้งานในชีวิตประจำวันได้ด้วยโดยจะเริ่มทำตลาดตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายนเป็นต้นไป แต่ในรูปแบบของการเช่าใช้ โดยในช่วงแรกจะเน้นลูกค้าที่เป็นองค์กร และหน่วยงานราชการ
ในแอคคอร์ด ไฮบริดใหม่จะมาพร้อมกับระบบขุมพลังใหม่ที่เรียกว่า Sport Hybrid i-MMD (intelligent Multi-Mode Drive) ซึ่งถือเป็นการปฏิวัติการพัฒนาขุมพลังของฮอนด้า โดยระบบไฮบริดที่มีความล้ำสมัยรุ่นนี้จะอยู่ในกลุ่มของเครื่องยนต์ที่ใช้แนวคิด Earth Dreams Technology ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีเครื่องยนต์ในยุคหน้า ที่มีการพัฒนาภายใต้แนวคิดของการผสมผสานระหว่างสมรรถนะการขับขี่ที่สนุกสนาน และความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีความโดดเด่น
Sport Hybrid i-MMDจะใช้โหมดการทำงานของเครื่องยนต์3 แบบด้วยกันในการจัดการให้ระบบไฮบริดของแอคคอร์ด ไฮบริดทำงานสำหรับในช่วงออกตัว และการขับด้วยความเร็วคงที่ ในช่วงความเร็วต่ำ และปานกลาง จะเป็นหน้าที่ของโหมด EV Drive ซึ่งมอเตอร์ไฟฟ้าจะรับ กระแสไฟฟ้าในแบตเตอรี่ในการสร้างกำลังและขับเคลื่อนให้เหมาะสมกับตัวรถ เมื่อมีการเร่งความเร็วโหมด Hybrid Drive จะสั่งให้เครื่องยนต์เบนซินจะสร้างกระแสไฟฟ้าขึ้นมาเพื่อส่งให้กับมอเตอร์ใช้ในการขับเคลื่อน
และสุดท้ายเมื่อต้องขับด้วยความเร็วสูง ก็จะเป็นโหมด Engine Drive เครื่องยนต์เบนซินจะรับหน้าที่ในการขับเคลื่อนตัวรถโดยตรง ซึ่งทุกโหมดจะสลับการทำงานโดยอัตโนมัติและจากความยอดเยี่ยมของระบบ ทำให้ขุมพลัง Sport Hybrid i-MMDมีตัวเลขความประหยัดน้ำมันอยู่ที่ 30.0 กิโลเมตร/ลิตร ส่งผลให้แอคคอร์ด ไฮบริดมีความโดดเด่นในด้านความประหยัดน้ำมันเหนือระดับจากคู่แข่งในกลุ่มเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้น มอเตอร์ไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนยังสามารถผลิตแรงบิดออกมาในระดับที่สูงสุดตั้งแต่การออกตัว นั่นจึงทำให้ Sport Hybrid i-MMDมาพร้อมกับสมรรถนะในด้านอัตราเร่งที่ยอดเยี่ยม และสร้างประสบการณ์ใหม่ในการขับขี่ทั้งในเรื่องความนุ่มนวล ความสะดวกสบายและความเงียบภายในห้องโดยสาร
เพื่อเป็นการยกระดับสมรรถนะของ Sport Hybrid i-MMD และมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีการผลิต ทั้งแรงม้า และแรงบิดสูง แอคคอร์ด Plug-in Hybridจึงมาพร้อมกับความโดดเด่นของระบบไฮบริดที่สามารถเสียบปลั๊กชาร์จกระแสไฟฟ้าได้ พร้อมกับแบตเตอรี่แบบ Lithium-ion ที่มีความจุสูง และเมื่อมีการชาร์จไฟจนเต็ม ตัวรถจะสามารถ ขับเคลื่อนในรูปแบบรถไฟฟ้าของ EV Mode ได้ถึง 37.6 กิโลเมตร ทำให้ผู้ขับขี่สามารถขับในรูปแบบรถไฟฟ้าได้ตามความต้องการและสอดคล้องกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน นอกเหนือจากระยะทางในการขับด้วยโหมด EV แล้ว แอคคอร์ด Plug-in Hybridยังให้ประสิทธิภาพในการขับขี่ในระดับที่ใกล้เคียงกับแอคคอร์ด ไฮบริด และมีความประหยัดน้ำมันที่โดดเด่นอย่างมาก ด้วยตัวเลข 70.4 กิโลเมตร/ลิตร
***เทคโนโลยี Sport Hybrid i-MMD***
- ด้วยโครงสร้างของระบบที่มีความเรียบง่าย ทำให้ระบบไฮบริดใหม่รุ่นนี้ได้รับการพัฒนาขึ้นมาเป็นพิเศษในการผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน เกียร์อัตโนมัติ CVT แบบไฟฟ้า และมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว (ขับเคลื่อนและชาร์จกระแสไฟฟ้า) และจะมีคลัตช์เชื่อมต่อเข้าโดยตรงกับเครื่องยนต์เบนซิน ส่วนแบตเตอรี่แบบ Lithium-ion จะมีประสิทธิภาพในการเก็บกระแสไฟฟ้าที่ถูกชาร์จเข้ามาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ระบบจะทำหน้าที่ในการเลือกโหมดของการขับขี่จากทั้ง 3 โหมดโดยอัตโนมัติเพื่อคงประสิทธิภาพสูงสุดในการขับขี่เอาไว้ตลอดเวลา ผลที่ได้คือ ‘ยอดเยี่ยมที่สุดในรถระดับเดียวกันทั้งในเรื่องของการตอบสนองต่ออัตราเร่ง และความประหยัดน้ำมันอย่างสูงสุด โดยโหมดการขับขี่ทั้ง 3 รูปแบบ ประกอบไปด้วย
EV Drive:ในช่วงออกตัวและการขับด้วยความเร็วคงที่ในแบบปกติ แบตเตอรี่จะส่งกระแสไฟฟ้าไปยังมอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อใช้ในการขับเคลื่อนตัวรถ และในช่วงที่มีการถอนคันเร่ง หรือลดความเร็ว มอเตอร์จะเปลี่ยนหน้าที่มาเป็นการชาร์จกระแสไฟฟ้าเข้ามาเก็บในแบตเตอรี่ด้วยการอาศัยพลังงานกลที่เกิดจากการเคลื่อนที่ของตัวรถ
Hybrid Drive:เมื่อมีการเร่งความเร็ว เครื่องยนต์จะทำหน้าที่อย่างเต็มประสิทธิภาพในทุกรอบเครื่องยนต์เพื่อทำให้มอเตอร์ไฟฟ้าชาร์จกระแสไฟฟ้า โดยกระแสไฟฟ้าจะวิ่งไปขับเคลื่อนมอเตอร์ และเมื่อต้องการพลังที่มากขึ้น ในการรีดอัตราเร่ง แบตเตอรี่ก็จะส่งกระแสไฟฟ้าที่เก็บเอาไว้เข้ามาร่วมผสานการทำงานกับกระแสไฟฟ้า ที่มาจากมอเตอร์ที่ทำหน้าที่ชาร์จกระแสไฟฟ้าเพื่อสร้างแรงบิดในระดับสูงสุดอย่างต่อเนื่อง ผลที่ได้คือ อัตราเร่งที่นุ่มนวลและทรงพลัง
Engine Drive : สำหรับการขับด้วยความเร็วสูงบนทางไฮเวย์ คลัตช์ในระบบส่งกำลังเชื่อมต่อเข้ากับฟลายวีลของเครื่องยนต์เบนซินเพื่อรับหน้าที่ในการขับเคลื่อนอย่างเต็มตัว โดยตัวระบบจะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดภายใต้การขับด้วยความเร็วสูงโดยใช้อัตราทดเกียร์ที่เหมาะสมที่สุด และรีดประสิทธิภาพในการทำงานสูงสุดจากเครื่องยนต์ที่ใช้ระบบเผาไหม้แบบ Atkinson Cycle
ความโดดเด่นของแอคคอร์ด ไฮบริด และแอคคอร์ด Plug-in Hybrid
1.ซีดานที่มาพร้อมกับความมีชีวิตชีวา ความประณีต และความล้ำสมัย ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ในทุกรายละเอียด
งานออกแบบมาพร้อมกับห้องโดยสารที่กว้งขวางและหรูหราตามแบบฉบับซีดานระดับพรีเมียม และระบบไฮบริดที่มีความล้ำสมัย ยังช่วยให้ตัวรถมีความประหยัดน้ำมันเป็นเลิศ
การออกแบบภายนอก
สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นซีดานที่มาพร้อมกับความสง่างาม และจากเส้นแนวโค้งบนตัวถังทั้งด้านหน้าและหลังยังช่วยควบคุมการไหลของอากาศให้ไหลผ่านออกทางด้านข้างอย่างต่อเนื่อง ผลคือทำให้ตัวรถมีตัวถังที่เพรียวลมและสอดคล้องตามหลักอากาศพลศาสตร์ ซึ่งส่งผลต่อเนื่องไปยังการประหยัดน้ำมันได้สูงสุด
การออกแบบภายใน
การวางเลย์เอาท์จัดวางเบาะนั่งทั้งด้านหน้าและหลังในรูปแบบตัว V ช่วยยกระดับความกว้างขวางของห้องโดยสาร และทำให้ผู้โดยสารที่นั่งอยู่บนเบาะนั่ง มีทัศนวิสัยในการมองข้างหน้าได้ดี ผู้ขับขี่สามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ได้อย่างง่ายดายผ่านแผงหน้าปัดอันล้ำสมัย นอกจากนั้น ในห้องโดยสารยังตอบสนองทั้งความสะดวกสบายและความสุนทรีย์ได้อีกด้วย
2.โครงสร้างตัวถังที่มีผลต่ออัตราการประหยัดน้ำมันสูงสุด รวมถึงความเงียบ และความยอดเยี่ยมในการขับขี่
ตัวถังที่ได้รับการผลิตอย่างสมบูรณ์สามารถให้ความยืดหยุ่นเพื่อตอบสนองต่อภาระและการสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นในระหว่างการขับ จึงช่วยเพิ่มสุนทรียภาพในการขับที่ให้สัมผัสแห่งความนุ่มสบาย และนอกจากความประหยัดน้ำมันที่อยู่ในระดับสูงแล้ว ตัวรถยังสามารถตอบสนองในด้านความเงียบในระหว่างการขับขี่ที่สามารถสัมผัสได้ในรถยนต์ซีดานระดับหรูและคุณภาพการตอบสนองต่อการควบคุมรถตามมาตรฐานของแอคคอร์ด
3.สัมผัสความสะดวกสบาย สมรรถนะทันใจ และการควบคุมรถที่แม่นยำ
Sport Hybrid i-MMDตอบสนองทั้งในเรื่องความประหยัดน้ำมันเป็นเลิศ และพลังในการขับเคลื่อนที่มาพร้อมกับความนุ่มนวลในการขับขี่ นอกจากนั้น ยังมีความโดดเด่นในส่วนของสมรรถนะอื่นๆ อีกด้วย อาทิเช่น การควบคุมรถ และความสะดวกสบายในการขับขี่
ระบบกันสะเทือนและส่วนประกอบอื่นๆ ได้รับการผลิตด้วยวัสดุที่มีน้ำหนักเบา ขณะที่เทคโนโลยีใหม่ๆ มากมายที่ติดตั้งเข้ามายังช่วยเพิ่มความโดดเด่นในเรื่องของคุณภาพการควบคุมรถและความสะดวกสบายในการขับ ซึ่งการตอบสนองต่อการควบคุมรถค่อนข้างให้สัมผัสที่เบา และนุ่มนวลชนิดที่ยากจะสัมผัสว่า ตัวรถมีน้ำหนักที่เพิ่มเข้ามาจากแบตเตอรี่ของระบบไฮบริด
ระบบเบรกแบบเซอร์โวไฟฟ้าถือเป็นเทคโนโลยีรุ่นต่อไปของระบบการชาร์จกระแสไฟฟ้า โดยอาศัยพลังงานที่เกิดขึ้นจากการเบรก หรือ regenerative braking systemซึ่งเดิมทีพัฒนาขึ้นมา เพื่อใช้กับ Fit EV โดยฮอนด้าได้พัฒนาระบบและมีการประยุกต์เพื่อนำมาใช้กับรถยนต์ในสายการผลิตเป็นครั้งแรก ระบบนี้มีความยอดเยี่ยมที่เหนือกว่าระบบเดิมๆ อย่างมาก โดยสามารถเปลี่ยนพลังงานจลน์ ที่สูญเปล่าในระหว่างที่เกิดการเบรกมาเก็บเข้าไว้ในแบตเตอรี่ได้มากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีการปรับปรุงความรู้สึกในการเบรกให้ดีขึ้นชนิดที่เทียบเท่ากับรถยนต์ซีดานระดับหรูและเสริมการทำงานด้วยระบบHill Start Assist, Adaptive Cruise Control (ACC) และ Collision Mitigation Brake System (CMBS)รุ่นใหม่
4.ระบบความปลอดภัยอันทันสมัย CMBS และ E-pretensionersใหม่
โครงสร้างตัวถังของตัวรถได้รับการพัฒนาบนแนวคิดที่ยอดเยี่ยมอย่างG-Force Control Technology (G-CON)ของฮอนด้า รวมถึงการปกป้องคนเดินถนนที่ถูกชนให้มีอาการบาดเจ็บน้อยที่สุด (Pedestrian Injury Mitigation Body)ถุงลมด้านข้างมาพร้อมกับการพัฒนาครั้งใหม่ และยังรวมถึงเทคโนโลยีความปลอดภัยอื่นๆ ที่ออกแบบมาเพื่อลดความเสียหาย หรืออาการบาดเจ็บในระหว่างการเกิดอุบัติเหตุได้เป็นอย่างดี
ระบบ Collision Mitigation Brake System (CMBS)ได้รับการพัฒนาขึ้นอีกระดับเพื่อแจ้งเตือนให้ผู้ขับขี่รับทราบเมื่อมีโอกาสที่จะเกิดการชน และเพื่อช่วยลดแรงกระแทกที่จะเกิดขึ้น ระบบจะแจ้งเตือนให้ผู้ขับขี่ได้รับทราบถึงการเกิดอุบัติเหตุ และเพื่อช่วยลดแรงกระแทกที่จะเกิดขึ้น ระบบก็จะเบรกอัตโนมัติเมื่อจะมีการชนเกิดขึ้น สำหรับระบบเดิมจะมีการทำงานในระดับความเร็วที่สูงกว่า 15 กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่ในระบบใหม่ มีการทำงานจะเริ่มตั้งแต่ความเร็วในระดับ 5 กิโลเมตร/ชั่วโมงเป็นต้นไป อีกทั้งตัวระบบยังได้รับการออกแบบเพื่อให้ทราบถึงความแตกต่างของความเร็วกับรถยนต์คันหน้า และจะมีการเบรกหากระบบตรวจสอบว่ามีความเสี่ยงที่จะเกิดการชน เพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุ...
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี