นายยงยุทธ วัฒนสินธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) หรือTOT เปิดเผยว่า ปี 2557 นี้ถือเป็นปีครบรอบก่อตั้งทีโอที 60 ปี โดย ทีโอที เน้นที่จะยกระดับการให้บริการด้วยคุณภาพ และจะปรับเปลี่ยนโครงสร้างการทำงานเพื่อกระตุ้นยอดขายเพิ่มรายได้ ทั้งเร่งการขยายตลาดอินเตอร์เนตความเร็วสูง การต่อยอดโทรศัพท์พื้นฐาน การให้บริการโทรศัพท์มือถือ 3G ด้วยการเจรจาหาพันธมิตร
ส่วนแผนการลงทุน 3G นั้น ทีโอที จะไม่ลงทุนอีกต่อไป แต่เน้นจะเน้นการร่วมมือกับพันธมิตรแทนโดยปี 2557 ตั้งเป้าว่าจะมีรายได้ 31,744 ล้านบาท ขาดทุน 5,000 ล้านบาท ซึ่งการขาดทุนมาจากขาดรายได้ที่เคยได้รับจาก บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ (เอไอเอส) ที่หายไปตั้งแต่ธันวาคม ปี 2556 ที่ผ่านมา เป็นไปตามพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่กำกับกิจการวิทยุกระจายเสียง กิจการวิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมพ.ศ.2553 (พ.ร.บ.กสทช.) ที่ค่าสัมปทานต้องส่งให้ กระทรวงการคลัง
นายยงยุทธกล่าวว่า ในส่วนของการเจรจาหาพันธมิตรทางธุรกิจนั้น ทีโอที ที่ผ่านมาได้เจรจากับ บริษัท เอไอเอส เพื่อทำสัญญาการให้บริการ 3 G บนคลื่นความถี่ 1900 เมกะเฮิตรซ์ (MHz) จำนวน 15 MHz ร่วมกัน โดยนำเสา และสถานีฐาน 15,000 แห่งของ เอไอเอส และ 5,320 แห่งของทีโอที มาใช้งานร่วมกัน เพื่อให้บริการ 3G ได้ครอบคลุมทุกพื้นฐาน ซึ่งจะสร้างรายได้ให้ทีโอทีปีละ 4,000 ล้านบาท จะทำสัญญาลักษณะเดียวกันกับสัญญา 3G ของบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) กับกลุ่มบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) แต่โครงการดังกล่างต้องสะดุดลง เนื่องจากมีการยุบสภา ดังนั้นก็ต้องรอครม.ชุดใหม่ ทีโอทีก็จะเสนอครม.พิจารณาอนุมัติต่อไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่สามารถเดินหน้าโครงการดังกล่าวได้ ทีโอที จึงจำเป็นต้องหาช่องทางใหม่ในการสร้างรายได้ ด้วยการเจรจากับกลุ่มเอไอเอสอีกรูปแบบอื่นๆ 1.การทำสัญญา 3G ระหว่างทีโอที กับเอไอเอส โดยใช้คลื่นความถี่ 5 MHz เอไอเอส เช่าใช้สถานีฐานของทีโอที 5,320 แห่ง สร้างรายได้ปีละ 800 ล้านบาท 2.สัญญาการเช่าใช้โครงข่ายเคเบิล และอุปกรณ์ เพื่อให้บริการอินเตอร์เนต รวมถึงการจ้างทีโอทีติดตั้งอินเตอร์เนตด้วย 3. การทำสัญญาเช่าใช้อุปกรณ์อินเตอร์เนตไร้สาย(ไวไฟ)ที่ติดตั้งอยู่ทั่วประเทศ 50,000 จุด และ 4.การเช่าใช้โปรแกรมแอพิเคชั่น เอ็ม-เพย์ และจัส-เพย์ เพื่อให้บริการผู้บริโภค โดยจะแบ่งรายได้ที่เกิดขึ้น 50:50 โดยทางเลือกดังกล่าว จะต้องได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุม คณะกรรมการ (บอร์ด) ทีโอทีก่อนเช่นกัน จึงจะสามารถดำเนินการลงนามในสัญญาได้ ซึ่งฝ่ายบริหารจะต้องเสนอบอร์ดพิจารณาในเดือนมีนาคม 2557
ส่วนกระแสการเมืองต่อต้านเอไอเอส อาจส่งผลต่อทีโอทีนั้น นายยงยุทธ์ ยืนยันว่า การพนักงานรัฐวิสาหกิจ ต้องวางตัว
เป็นกลาง และคำนึงถึงผลประโยชน์องค์กร และประเทศชาติ เอกชนรายใดที่มีไมตรีจิตที่ดี ก็พร้อมเจรจาด้วย ขณะนี้นอกจาก
เอไอเอสแล้ว ยังเจรจากับกลุ่มล็อกซเล่ย์ เพื่อเช่าใช้อุปกรณ์อินเตอร์เนตด้วย รวมทั้งกลุ่มสามารถ คอร์ปอเรชั่น เพื่อบริการการขายส่งขายต่อ (เอ็มวีเอ็นโอ) 3G เช่นกัน
“ทีโอที มีทางเลือกไม่มาก หากไม่ดำเนินการใดๆ ทีโอที ต้องขาดทุน และอาจขาดทุนสะสมต่อเนื่องไปเรื่อยๆ แต่หากลงนามกับเอไอเอสได้ ปี 2558 ก็จะมีกำไรหลักร้อยล้านบาท และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผมขอย้ำทีโอทีจะลงนามในสัญญาใด จะต้องถูกต้องและตอบคำถามสังคมได้” นายยงยุทธ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี