กรมสรรพากรรับสภาพปีงบประมาณ57 รายได้หลุดเป้า7% หลังพบ 6 เดือนแรกวืด 2.3 หมื่นล้านบาทเร่งพัฒนาระบบตรวจจับสกัดการหลีกเลี่ยงเสียภาษี เชื่อมข้อมูลกับมหาดไทยและการไฟฟ้าเช็คข้อมูลผู้เสียภาษีละเอียดยิบไม่ว่าจะเป็นการใช้ไฟ รายได้ พร้อมตั้งข้อสังเกตุข้าราชการที่มีบ้านหรู รถแพง อาจมีธุรกิจเสริมจ้องหาช่องไล่บี้ภาษี
นายสุทธิชัย สังขมณี อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่ายอดการจัดเก็บรายได้ภาษีปีงบประมาณ 2557 จะอยู่ที่ 1.76 ล้านล้านบาทซึ่งต่ำกว่าประมาณที่ตั้งไว้ 1.89 ล้านล้านบาทหรือลดลง 7 % เนื่องจากในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2557 ที่ผ่านมายอดการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT)ที่มาจากการนำเข้าลดลง 1.8 หมื่นล้านบาท หรือลดลง 11 % ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาจากปัญหาการเมืองทำให้ประชาชนชะลอการใช้จ่าย เอกชนลดการลงทุนใหม่ ทำให้ภาษีอากรแสตมป์ลดลง 200 ล้านบาท จากตัวเลขดังกล่าวเริ่มสะท้อนให้เห็นว่าในอนาคตการจ้างงานจะลดลง
ล่าสุดยอดการจัดเก็บรายได้ 6 เดือน กรมสรรพากรเก็บภาษีได้ 7.05 แสนล้านบาทต่ำกว่าประมาณการณ์ที่ตั้งไว้ 7.29 แสนล้านบาท หรือต่ำกว่าเป้าหมาย 2.3 หมื่นล้านบาทคิดเป็นสัดส่วน3 % โดยภาษีที่จัดเก็บได้ลดลงคือภาษีมูลค่าเพิ่มที่มาจากการนำเข้า เแม้การส่งออกจะเริ่มขยายตัว แต่คาดว่าผู้ประกอบการยังคงใช้สต๊อคสินค้าเก่าก่อน
“จากนี้ต้องดูว่าการส่งออกจะดีขึ้นหรือไม่หลังมีออร์เดอร์สั่งผลิตเสื้อผ้า สินค้าบอลโลก เสื้อกีฬาประเทศต่างเข้ามาเยอะ จะเป็นผลดีต่อธุรกิจการ์เม้นท์(สิ่งทอ) แต่ที่ผลิตลดลงคือพวกชิ้นส่วนยานยนต์ที่ผลิตเพื่อการส่งออก ทำให้การนำเข้าเครื่องจักรน้อยลงไปด้วย” นายสุทธิชัย กล่าว
นอกจากนี้กรมสรรพากร เตรียมนำระบบ จีไอเอส ซึ่งเป็นการพัฒนาระบบข้อมูลผู้เสียภาษีที่จะนำมาสำรวจข้อมูลของผู้ที่เสียภาษีในแต่ละพื้นที่ว่าในแต่ละครอบครัวมีผู้อยู่อาศัยกี่คน คนที่อยู่ในบ้านมีรายได้เท่าไร แยกเป็นคนวัยทำงาน วัยเรียน ผู้สูงอายุเท่าไรเพื่อดูว่าคนที่อยู่ในบ้านนั้นมีรายได้อย่างไร ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะนำเอามาประกอบกับข้อมูลของกระทรวงมหาดไทย เพื่อดูเรื่องการย้ายเข้า - ออก และข้อมูลการไฟฟ้า เพื่อตรวจสอบข้อมูลของบุคคลที่เป็นกรรมการ ว่ามีการใช้ไฟระหว่างสถานประกอบการกับที่บ้านมีความแตกต่างกันอย่างไร
โดยเบื้องต้นเริ่มทำโครงการนำร่องในเขตที่มีประชากรหนาแน่น เช่น พัทยา ส่วนในกรุงเทพก็เริ่มจากพื้นที่ซอยอารีย์ ซึ่งอยู่ใกล้ที่ตั้งของกรมสรรพากรก่อน คาดว่าการทำระบบที่สมบรูณ์กว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จคงช่วงปลายปีนี้ ระหว่างนี้เตรียมคัดเลือกบริษัทที่วางระบบและร่างสัญญาจัดซื้อจัดจ้างภายในเร็วๆนี้
“สรรพากรจะเอาข้อมูลมาลิงค์ทั้งของมหาดไทย การไฟฟ้า เพื่อดูว่าในบ้านนี้มีคนที่ต้องเสียภาษีกี่คน ขณะเดียวกันต้องไปซื้อข้อมูลของการไฟฟ้า เช่น จะไปดูว่านิติบุคคลมีค่าไฟ 2,000 บาทต่อเดือน แต่กรรมการที่มีบ้านที่อยู่อาศัยในละแวกเดียวกันกลับใช้ไฟเป็นหมื่นบ้านต่อเดือนซึ่งสามารถนำมาตั้งสมมุติฐานได้ต่อว่ารายได้กับค่าไฟที่เกิดขึ้นสมเหตุสมผลหรือไม่ หรือกรณีมีคนมาขอจดVAT ก็จะดูว่าที่ตั้งกิจการอยู่ที่ไหนในเมืองหรืออพาร์ทเม้นต์ได้ทันที” นายสุทธิชัย กล่าว
นายสุทธิชัย กล่าวว่า การพัฒนาระบบ จีไอเอส จะทำให้รู้ข้อมูลของผู้เสียภาษีทั้งหมด ทำให้รู้ได้ว่าประชากร 70 ล้านคน ใครมีหน้าที่อะไรบ้าง และถ้าทำระบบสำเร็จและใช้ทั้งประเทศ เชื่อว่าจะช่วยขยายฐานผู้เสียภาษีและสามารถจัดเก็บภาษีได้อย่างเป็นธรรม หารายได้มาชดเชยกับการปรับโครงสร้างภาษีบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลได้ นอกจากนี้ยังเตรียมนำระบบ แคช รีซีฟ ซิสเต็มส์ มาตรวจสอบเรื่องการออกใบกำกับภาษีปลอมอีกด้วย
“นิติบุคคลส่วนใหญ่จดทะเบียนขั้นต่ำ ทรัพย์สินไม่ค่อยมี แต่รายได้สูง จะเห็นว่าเดี๋ยวนี้บ้านหลัง 40 - 200 ล้านบาท ทำไมขายได้ และมีอยู่แทบทุกถนนที่มีความเจริญ ข้าราชการ ทำไมมีรถแพงๆ มีบ้านราคาแพงๆได้ แสดงว่าต้องมีรายได้จากการทำธุรกิจอื่นด้วย ซึ่งเรื่องการเสียภาษีให้ถูกต้องเป็นนโยบายของผมตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งอธิบดี ไม่ใช่เพิ่งมารีดรายได้หลังยอดภาษีตก “ นายสุทธิชัย กล่าว
อย่างไรก็ตามเรื่องการจัดเก็บภาษีนิติบุคคลของผู้เสียภาษีรายใหญ่ หรือ แอลทีโอ ยืนยันว่ามีการติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะยอดเสียภาษีของ แอลทีโอ คิดเป็น 70 % ของรายได้ทั้งหมดของกรมสรรพากร โดยให้แต่ละพื้นที่ไปวิเคราะห์ผู้เสียภาษีรายใหญ่ในพื้นที่ของตัวเอง 100 รายแรก และมีคำสั่งย้ายเจ้าหน้าที่ข้าราชการที่ทำหน้าที่ตรวจวิเคราะห์ภาษีเพื่อสร้างความโปร่งใสในการทำงานอีกด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี