คลังพล่านหลังรายได้ครึ่งปีงบประมาณต่ำเป้ามหาศาล เรียก 3 กรมจัดเก็บภาษีหารือด่วน ยอมรับจากสภาพเศรษฐกิจ ทำให้ภาษีทุกประเภทลดลง ลุ้นทั้งปีไม่น่าต่ำเป้าถึงแสนล้านบาท กรมสรรพสามิต ยอมรับพยามหาสินค้าตัวใหม่ๆเข้ามาอยู่ในระบบ เผยตอนนี้กำลังดูที่น้ำผลไม้ ขณะที่กรมสรรพากร ไล้บิ้นิติบุคคล ตรวจเข้มทุกราย หลังพบข้อมูลเจ้าของธุรกิจหลบเลี่ยง
นางเบญจา หลุยเจริญ รักษาการ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ได้เรียกผู้บริหาร 3 กรมภาษีทั้งกรมสรรพสามิต กรมสรรพากร และกรมศุลกากร มาหารือเรื่องการเพิ่มประสิทธิการเก็บภาษี เนื่องจากการเก็บภาษี 6 เดือนแรกที่ผ่านมา เก็บได้ต่ำกว่าเป้ามาก และเชิงนโยบายก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะเป็นรัฐบาลรักษาการ จึงทำได้เพียงให้เพิ่มประสิทธิภาพโดยให้ไปดูในธุรกิจที่มีการขยายตัวดี ให้มีการเก็บภาษีให้ครบวงจรกับธุรกิจมีความเกี่ยวเนื่องทั้งหมด
"การจัดเก็บภาษีของรัฐบาลทั้งปีไม่น่าจะต่ำกว่าเป้าถึง 1 แสนล้านบาท แต่ก็น่าเป็นจำนวนหลายหมื่นล้านบาท เพราะส่วนหนึ่งคิดว่าจะเก็บได้ แต่มีการยกเว้น เช่น ภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ที่กรมสรรพสามิตคาดว่าจะขึ้นภาษีแต่ไม่ได้ขึ้น ทำให้ภาษีหายไปทั้งปี 2.8 หมื่นล้านบาท" นางเบญจา กล่าว
นางเบญจา กล่าวว่า ยังมีปัญหาในด้านการลงทุน เนื่องจากที่ผ่านมาคาดว่าจะมีการเก็บภาษีจากการลงทุนน้ำ 3.5 แสนล้านบาท แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถทำได้ ทำให้ไม่มีการลงทุน ไม่มี
การนำเข้าทำให้ภาษีของกรมศุลกากรต่ำกว่าเป้าจำนวนมาก รวมถึงภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ของกรมสรรพากร ก็หายไปด้วย อีกทั้งการตั้งคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ก็ทำไม่ได้ ทำให้การลงทุนหลายแสนล้านบาทเดินหน้าไม่ได้ ซึ่งหากมีการตั้งคณะกรรมการบีโอไอ และมีการอนุมัติโครงการลงทุน เชื่อว่าจะทำให้การเก็บภาษีเป็นไปได้ดีกว่านี้
ด้านนายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า กล่าวว่า ในที่ประชุมนางเบญจา หลุยเจริญ รักษาการ รมช.คลัง ได้มอบหมายให้ทั้ง 3 กรมจัดเก็บภาษีไปเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บให้มากขึ้น ซึ่งในส่วนของกรมสรรพสามิตเองได้ตั้งคณะการทำงานมาเพื่อทบทวนการจัดเก็บภาษีเป็นรายสินค้า เช่น น้ำพืชผัก น้ำผลไม้ ที่ในขณะนี้ได้รับการยกเว้นภาษีตามบัญชีแนบท้ายเรื่องของส่งเสริมสุขภาพและส่งเสริมการช่วยเหลือเกษตรกร
ทั้งนี้ทางกรมสรรพสามิตจะต้องกลับไปทบทวนดูว่า สินค้าประเภทนี้ มีการบรรจุสัดส่วนตามหลักเกณฑ์จริงหรือไม่ หากพบว่าไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ในสัดส่วนที่กำหนดไว้ ทางกรมก็จะมีการพิจารณาให้มีการเรียกเก็บภาษีในสินค้าดังกล่าว ตามอัตราภาษีน้ำผลไม้ทั่วไป นอกจากนี้การทบทวนเป็นรายสินค้าดังกล่าว จะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์สากลของอนามัยโลกอีกด้วย
“ กรมสรรพสามิตได้มีการพูดคุยกับสำนักงานคณะกรรมอาหารและยา หรืออย.อยู่ตลอด และได้นำผลวิจัยความหวานของสินค้านั้นๆจาก อย. มาประกอบการประเมินว่าการเก็บภาษีประเภทน้ำพืชผักผลไม้นี้ โดยจะต้องไปทบทวนดูว่าสินค้าที่ได้รับการยกเว้นประเภทไหนมีความเสี่ยงผิดหลักบ้างก็จะทำการจัดเก็บภาษีได้ทันที เพื่อเป็นการเพิ่มการจัดเก็บรายได้ที่ต่ำกว่าเป้ามากอยู่ในขณะนี้” นายสมชาย กล่าว
ด้านนายราฆพ ศรีศุภอรรถ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า การเก็บภาษีของกรมศุลกากรในรอบ 6 เดือนแรก ของปีงบประมาณ 2557 กรมเก็บภาษีต่ำกว่าเป้า 1 หมื่นล้านบาท เนื่องจากมูลค่าการนำเข้าหายไปถึง 2.74 แสนล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เพราะได้รับผลกระทบจากการเมือง และปัญหาค่าเงินบาทอ่อน ทำให้ต้นทุนสินค้านำเข้าเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผู้นำเข้าชะลอนำเข้า
แต่อย่างไรก็ตามกรมศุลกากรได้เพิ่มประสิทธิภาพการเก็บภาษี โดยนำเทคโนโลยีเครื่องเอ็กซเรย์ ตรวจการนำเข้าสินค้าให้มีการสำแดงราคาให้ตรงกับความเป็นจริง และจะมีการเร่งดำเนินคดีทางภาษีที่มีอยู่จำนวนมากให้ได้ข้อยุติ เพื่อที่จะได้เงินภาษีเข้ามา ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการได้ถึง 5,000 ล้านบาท ส่งผลให้ทั้งปีงบประมาณ 2557 กรมศุลกากรจะเก็บภาษีต่ำกว่าเป้า 1 หมื่นล้านบาท
ด้านนายสิทธิชัย สังขมณี อธิบดีกรมสรรพากร ยอมรับว่าผลการจัดเก็บรายได้ภาษีในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 57 จัดเก็บได้ 705,000 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 729,000 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมาย 23,000 ล้านบาท หรือประมาณ 3 % สาเหตุหลักมาจากรายได้ภาษีมูลค่าเพิ่มนำเข้า เครื่องมือเครื่องจักรอุปกรณ์ลดลงถึง 18,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ผลการยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีประจำปี 56 โดยกรมสรรพากรยืดเวลาให้จนครบกำหนดในวันที่ 8 เม.ย.57 โดยมีประชาชนยื่นแบบเสียภาษีทั้งหมด 10 ล้านฉบับ สูงกว่าปีที่ผ่านมา จำนวน 4 แสนราย มีประชาชนต้องจ่ายภาษีเพิ่มจากยอดยื่นแบบวงเงิน 14,000 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่ต้องเสียเพิ่มวงเงิน 18,000 ล้านบาท
แหล่งข่าวจากกระทรวงกาคลัง กล่าวว่า อธิบดีกรมสรรพากรได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ของกรมสรรพากรเตรียมพร้อมจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลในเดือนพฤษภาคมนี้ โดยการจัดเก็บภาษีต้องเป็นไปอย่างเข้มงวด ตรวจสอบให้จริงจัง โดยเฉพาะต้องตรวจสอบการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลของบริษัทว่าสอดคล้องกับการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของบรรดาเจ้าของบริษัท ผู้บริหารหรือกรรมการบริษัทหรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่าเจ้าของ ผู้บริหารและกรรมการบริษัทมีการหลบเลี่ยงเสียภาษีเป็นจำนวนมาก ซึ่งในการตรวจสอบสามารถย้อนกลับไปถึงการซื้อบ้าน และการถือครองสินทรัพย์อื่นๆ
ขณะที่รายงานข่าว จาก กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่าการจดทะเบียนธุรกิจเดือนมี.ค.2557 มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัทจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศจำนวน 5,248 ราย ลดลง 9 % เทียบกับเดือนมี.ค.2556 ซึ่งมีจำนวน 5,753 ราย ลดลง 505 ราย แต่เพิ่มขึ้น 8 %เมื่อเทียบกับเดือนก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งมีจำนวน 4,854 ราย หรือเพิ่มขึ้น 394 ราย
ส่วนนิติบุคคลที่จดทะเบียนเลิกทั่วประเทศ มีจำนวน 830 ราย ลดลง 0.1% เมื่อเทียบกับมี.ค.2556 ซึ่งมีจำนวน 831 ราย หรือลดลง 1 ราย แต่เพิ่มขึ้นแต่เพิ่มขึ้น 29 % เมื่อเทียบกับเดือนก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งมีจำนวน 1016 ราย หรือเพิ่มขึ้น 186 ราย
สำหรับการจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทในไตรมาสแรกของปี 2557 (ม.ค.-มี.ค.) มีจำนวน 1.54 หมื่นราย ลดลง 22 % มื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขณะที่การจดทะเบียนนิติบุคคลเลิกไตรมาสแรกมีจำนวน 2,894 เพิ่มขึ้น 7 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี