เมื่อกลางปี พ.ศ.2540 หลายประเทศในเอเชีย ต่างประสบกับวิกฤตการณ์ทางการเงิน เช่นเดียวกับไทยที่ต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยขั้นวิกฤติจนเรียกว่า“วิกฤติต้มยำกุ้ง” สาเหตุสำคัญ เพราะการโจมตีสกุลเงินหลายสกุลในเอเชียรวมถึงการขายชอร์ต(Short Selling) ของพ่อมดทางการเงิน
พ่อมดทางการเงินเป็นฉายาของจอร์จ โซรอส(Gorge Soros) นักธุรกิจชาวอเมริกันเชื้อสายฮังการี ผู้มีความเชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ค่าเงินและการลงทุนในหุ้น ในปี พ.ศ.2535 จอร์จ โซรอส โจมตีค่าเงินปอนด์ของอังกฤษได้กำไรถึง 1,500 ล้านดอลลาร์ จนธนาคารกลางอังกฤษเกือบล้มละลาย
“การโจมตีค่าเงิน” (currency attack) หมายถึงการที่นักลงทุนต่างประเทศเข้ามาแสวงหากำไร จากการซื้อขายเงินตราของสกุลหนึ่ง เพื่อทำกำไรจากผลต่างระหว่างอัตราที่ซื้อและอัตราที่ขาย ความหมายเหมือนกับ “การเก็งกำไรค่าเงิน” (currency speculation) แต่ต่างกันตรงที่ การโจมตีกระทำอย่างต่อเนื่องขนาดของการเก็งกำไรสูงมาก ทำให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรง การโจมตีค่าเงินมักจะกระทำกับประเทศที่ใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ ส่วนการเก็งกำไรค่าเงินจะกระทำในประเทศที่ใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว
การขายชอร์ต (Short Selling) คือ การยืมหุ้นจากบริษัทโบรกเกอร์มาขายก่อน (คนยืมต้องมีเครดิตน่าเชื่อถือ) จากนั้นค่อยมาซื้อคืนภายหลังในราคาที่ต่ำกว่า โดยจะได้กำไรจากส่วนต่างราคา นักลงทุนจะใช้วิธีนี้เมื่อมีเหตุการณ์ที่คาดการณ์ได้ว่าราคาหุ้นจะต้องตกลงไปมากอย่างแน่นอน
จอร์จ โซรอส ได้ตั้งกองทุนชื่อว่า เฮดจ์ฟันด์ (Hedge Funds)
เฮดจ์ฟันด์ (Hedge Funds) หรือ “กองทุนบริหารความเสี่ยง” คือกองเงินสำหรับการลงทุนที่มาจากนักลงทุน หรือสถาบัน โดยมีผู้บริหารกองเงินเป็นผู้ดำเนินการลงทุนให้ เป้าหมาย คือ การแสวงหากำไรมหาศาล จากการคาดคะเนการเปลี่ยนแปลงราคาหุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ หรือเงินตราต่างประเทศในอนาคต แม้การลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง แต่ได้กำไรได้มากกว่ากองทุนธรรมดาทั่วไป
วิกฤติปีพ.ศ.2540 ไทยต้องเผชิญกับมรสุมทางการเงินอย่างหนัก มีการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดสะสมต่อเนื่องหลายปี มีการผูกติดค่าเงินกับดอลลาร์ เมื่อค่าเงินบาทอ่อนลง ทำให้ไม่สามารถชดเชยการขาดดุลได้ มีการกู้เงินจากต่างประเทศมาเป็นจำนวนมาก แต่กลับใช้ไม่ถูกวิธี เช่น กู้สั้นมาลงทุนระยะยาว เมื่อค่าเงินอ่อนลง หนี้เพิ่มขึ้น ทำให้เจ้าหนี้ไม่ยอมให้กู้เพิ่ม ทั้งยังมีการเก็งกำไรจากการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์อย่างแพร่หลาย ธนาคารปล่อยกู้อย่างง่ายดายจนกลายเป็นจุดอ่อนในระบบธนาคาร ช่วงก่อนวิกฤติต้มยำกุ้ง ราคาอสังหาริมทรัพย์มีราคาสูงมาก หลายคนได้กำไรจากการซื้อขายที่ดิน คอนโดมิเนียม ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของหรือนายหน้า คอนโดมิเนียม ขายหมดตั้งแต่เปิดจอง เพราะคนหวังกำไรจากการขายใบจอง เรียกได้ว่าเป็นอาชีพซื้อขายใบจอง แม้กระทั่งการซื้อขายใบจองรถยนต์
ช่วงวิกฤติต้มยำกุ้งไทยมีพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกรัฐมนตรี นายทนง พิทยะ เป็นรมว.คลัง และนายเริงชัย มะระกานนท์ เป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ปรึกษาหารือกันถึงการแก้ปัญหาไขปัญหาเศรษฐกิจที่แสนสาหัส และเห็นว่า ต้องประกาศเลิกอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราแบบคงที่ หรือระบบตะกร้าเงินคือ 25 บาทต่อดอลลาร์ เป็นอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว
วันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ.2540 เป็นวันแรกที่ใช้อัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว ค่าเงินบาทจาก 25 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าไปอยู่ที่ 32 บาท และเดือนมกราคม พ.ศ.2541 ดิ่งลงไปถึง 56 บาท เหตุผลสำคัญที่ประเทศไทยต้องประกาศลอยตัวค่าเงิน เพราะเงินทุนสำรองระหว่างประเทศในคลังของธนาคารแห่งประเทศไทย เหลือเพียง 800 ล้านดอลลาร์ จาก 40,000 ล้านดอลลาร์ มีการทุ่มเงินกว่า 30,000 ล้านดอลลาร์เพื่อพยุงค่าเงินบาทไว้ แต่กลับไม่ประสบผลสำเร็จ
ทุนสำรองระหว่างประเทศ คือ สินทรัพย์ต่างประเทศที่ถือครองหรืออยู่ภายใต้การควบคุมโดยธนาคารกลางของแต่ละประเทศ และสามารถนำออกมาใช้ประโยชน์ได้ทันทีเมื่อจำเป็น เช่น การชดเชยการขาดดุลการชำระเงินหรือใช้เป็นเครื่องมือหนึ่งในการดำเนินนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน การแทรกแซงค่าเงิน และใช้หนุนหลังการพิมพ์ธนบัตรออกมาใช้เงินทุนสำรองระหว่างประเทศจะรักษาเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจ เสริมสร้างความเชื่อมั่นต่อประเทศ
ไทยได้ขอความช่วยเหลือทางการเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ (International Monetary Fund-IMF) เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ.2540 จำนวน14,500 ล้านดอลลาร์ เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ไอเอ็มเอฟเรียกร้องให้ไทยจัดการทางการเงินภายใต้กฎเกณฑ์ที่เคร่งครัด แก้ไขกฎระเบียบเปิดเสรีทางด้านการค้าและการลงทุน เพื่อให้นักลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนได้สะดวกขึ้น ให้ปิดสถาบันทางการเงินที่มีปัญหา ทำให้คนไทยจำนวนนับล้านต้องว่างงาน
ผลพวงวิกฤติต้มยำกุ้ง ทำให้เมื่อประมาณปีพ.ศ.2548 นายเริงชัย มะระกานนท์ ถูกธนาคารแห่งประเทศไทย และกองทุนรักษาอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ ร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้องในข้อหาละเมิดจากการอนุมัติให้นำเงินทุนสำรองระหว่างประเทศเข้าไปแทรกแซงในตลาดการเงินเพื่อรักษาเสถียรภาพเงินบาท ซึ่งศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาให้นายเริงชัยชดใช้เป็นเงิน 186,015,830,720 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ต่อมาได้อุทธรณ์และฎีกา จนเมื่อเดือนตุลาคมปีพ.ศ.2559 ศาลฎีกาได้ยันตามศาลอุทธรณ์ให้ยกฟ้อง
วิกฤติต้มยำกุ้งถือเป็นบทเรียนสำคัญของไทย ทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของทุนสำรองระหว่างประเทศ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี