หลังจากที่อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยชื่อดังของรัฐได้แสดงความเห็นผ่านโพสต์เฟซบุ๊ค (Facebook) ส่วนตัวเมื่อต้นเดือนสิงหาคม เกี่ยวกับการที่ภรรยาของท่านต้องรอคิวผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองของไทยนานกว่า 4 ชั่วโมง เพราะด่านฯมีปัญหาเรื่องการบริหารจัดการการตรวจหนังสือเดินทาง
ภาพที่อาจารย์นำมาลง แสดงให้เห็นถึงความเบียดเสียดยัดเหยียดของนักท่องเที่ยว ที่น่าตกใจ คือ เมื่อเปรียบเทียบกับภาพที่ถ่ายต่างกันนานกว่า 2 ชั่วโมง กลับมีลักษณะแถวที่ยังดูเหมือนเดิม การรอแถวนานกว่า 4 ชั่วโมงทำให้บางรายอิดโรย เนื่องจากแออัด อากาศไม่ถ่ายเท บ้างถึงกับเป็นลมล้มพับ
แม้จะมีคำแนะนำในขณะนั้นให้เปิดช่องตรวจหนังสือเดินทางเพิ่ม เพื่อลดปริมาณความเนืองแน่นของผู้โดยสาร แต่ไม่เป็นผลแต่ประการใด
ความจริงแล้ว การที่นักท่องเที่ยวต้องรอตรวจหนังสือเดินทางนาน ไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมานานแล้ว โดยเฉพาะช่วงเทศกาลวันหยุดยาว เป็นที่รับทราบกันโดยทั่วไป
ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(สตม.) ชี้แจงเรื่องนี้ว่า สาเหตุที่ผู้โดยสารต้องรอแถวอยู่นานเป็นจำนวนมาก เพราะช่วงเวลานั้นเครื่องบินลงจอดพร้อมกันและลงในเวลาไล่เลี่ยกัน เนื่องจากต้นทางของสนามบินแต่ละประเทศปล่อยเครื่องบินไม่ตรงตามตารางเวลาที่กำหนด ทั้งสภาพอากาศแปรปรวนมาก นอกจากนี้การตรวจหนังสือเดินทางของชาวต่างชาติต้องรัดกุม ต้องตรวจอย่างละเอียด เพราะมีผู้ร้ายข้ามชาติบางรายที่มีการทำศัลยกรรมใบหน้าและหวังที่จะหนีมากบดานในไทย
แม้จะมีคำชี้แจงดังกล่าว แต่ยังมีคนไทยจำนวนหนึ่งที่เดินทางเข้า-ออกหลายครั้งในแต่ละปี กลับแสดงความเห็นว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง แต่เป็นปัญหาเรื้อรังที่พวกเขาต้องประสบอยู่หลายครั้ง ทั้งให้ความเห็นเพิ่มว่า ไม่เฉพาะขาเข้า แต่ขาออกนอกประเทศเช่นกัน เรียกได้ว่า ต้องเผื่อเวลาไว้หลายชั่วโมงจะดีกว่า
คนจำนวนหนึ่งตั้งข้อสังเกตว่าเคาน์เตอร์เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองหลายเคาน์เตอร์ที่ปิด ไม่มีท่าทีว่า จะมีเจ้าหน้าที่มาให้บริการ นี่อาจเป็นสาเหตุสำคัญส่วนหนึ่งที่ทำให้ผู้โดยสารต้องรอแล้วรอเล่า
นับเป็นเรื่องดีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเปิดเคาน์เตอร์บริการให้เต็ม หากเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ ก็จะให้ผู้บัญชาการทหารอากาศนำกำลังทหารอากาศมาช่วย ท่านยังสั่งให้กระทรวงคมนาคม การท่าอากาศยาน และสตม.เร่งแก้ไขปัญหานี้
คำสั่งดังกล่าวมีผลกระทบเป็นรูปธรรมจริงจังทันที พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) มีคำสั่งให้เรียกตำรวจที่อยู่ในสังกัดสตม.ที่ถูกส่งไปทำงานรับใช้ผู้ใหญ่ในหน่วยงานอื่น กลับมาทำงานที่สตม.ภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อเรียกกำลังพลกลับมาทำงานให้เต็มที่ จำนวนผู้ปฏิบัติงานจึงได้เพิ่มขึ้น
เหตุผลหนึ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองมีชื่ออยู่ในสังกัด แต่ตัวไม่อยู่ เพราะเจ้าหน้าที่สตม.มีเบี้ยเลี้ยงตอบแทนพิเศษ แม้ตัวไม่อยู่ ผู้ใหญ่ที่เรียกตัวไปใช้งานไม่ต้องจ่ายเองโดยตรง
นอกจากนี้ กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองทำงานล่วงเวลา การท่าอากาศยานได้จ่ายค่าล่วงเวลาให้ แต่จ่ายให้สตม.ในลักษณะเข้ากองกลาง ไม่ได้จ่ายให้เจ้าหน้าที่ที่ทำงานล่วงเวลาโดยตรง ทุกคนมีสิทธิ์ได้ จึงทำให้ใครๆ อยากมีชื่ออยู่ในสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
ต่อมาผู้บัญชาการสตม.จะนำเครื่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติมาใช้เพิ่มขึ้นเพื่อลดความแออัดบริเวณจุดตรวจคนเข้าเมือง ระยะเวลาการตรวจประมาณ 20-30 วินาทีต่อนักท่องเที่ยวหนึ่งคน ในขณะที่การตรวจหนังสือเดินทางโดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณ 1-2 นาที ต่อนักท่องเที่ยวหนึ่งคน
เครื่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติเริ่มใช้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติชาวสิงคโปร์ และจะเพิ่มเพื่อใช้กับชาวฮ่องกง เพราะนักท่องเที่ยว 2 ชาตินี้ เดินทางเข้าออกไทยบ่อยที่สุด
แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวไทยกว่า 20 ล้านคน ทำรายได้ให้ประเทศนับล้านล้านบาท อุตสาหกรรมท่องเที่ยวสร้างรายได้ให้หลายภาคส่วน เช่น ธุรกิจสถานพักแรม ธุรกิจอาหาร/เครื่องดื่ม ธุรกิจขนส่งโดยสารทางบก/ทางน้ำ/ทางอากาศ ธุรกิจนวดแผนไทย/สปา ธุรกิจผลิตและขายของที่ระลึก อุตสาหกรรมท่องเที่ยวยังทำให้เกิดการจ้างงานที่เป็นการสร้างภาษีรายได้ให้รัฐอีกด้วย
จากข้อมูลของกรมการท่องเที่ยวของไทย นักท่องเที่ยวต่างชาติจะใช้จ่ายในประเทศไทยรวมค่ากินอยู่ เดินทางภายในประเทศ ซื้อของที่ระลึก โดยเฉลี่ย 5,000-6,000 บาทต่อคน
การที่นักท่องเที่ยวต้องรอตรวจหนังสือเดินทางเป็นเวลานาน ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทย และการทำงานของเจ้าหน้าที่ไทยเป็นอย่างมาก สนามบินเป็นด่านแรกที่นักท่องเที่ยวต่างชาติจะพบเจอเมื่อมาถึงประเทศไทย ความล่าช้าย่อมทำให้นักท่องเที่ยวเสียความรู้สึก ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มท่องเที่ยว การเสียเวลารอนาน อาจทำให้ตารางการท่องเที่ยวบางสถานที่ต้องยกเลิกไป ย่อมส่งผลให้ผู้ประกอบการบางรายขาดโอกาสสร้างรายได้อย่างน่าเสียดาย
หากการใช้เครื่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติมีประสิทธิภาพ ควรขยายไปยังกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน เพราะในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวที่มาจากประเทศสมาชิกอาเซียนไม่ต่ำกว่า 7-8 ล้านคน
ปัญหาความล่าช้าในการตรวจหนังสือเดินทางได้เกิดขึ้นมาแล้วเป็นระยะเวลาพอสมควร แต่ไม่ได้รับความสนใจแก้ไขอย่างกระตือรือร้น จนเมื่อเกิดกระแสในโซเชียลมีเดียจึงมีผลทำให้เร่งรัดแก้ไข แม้แต่นายกรัฐมนตรียังต้องออกมาสั่งการด้วยตนเอง นับว่าเป็นอิทธิพลของโซเชียลมีเดียจริงๆ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี