แปลกใจจริงๆ ที่รัฐบาลพยายามจะบอกมาตั้งแต่ 2 ปี ก่อนว่าเศรษฐกิจไทยไม่ได้ทรุดตัวหรือหดตัว...แค่กำลังฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป...และในปีนี้ก็ฟื้นตัวได้เกินคาดอีกด้วย...แต่ทำไมคนส่วนใหญ่ของประเทศนี้ยังบ่นว่าฝืดเคืองเหลือเกิน เงินในกระเป๋าลดลงสวนทางกับรายจ่ายและภาระหนี้ที่มีแต่เพิ่มขึ้น...
เชื่อว่ารัฐบาลคงไม่กล้ายอมรับความจริงที่ว่าตัวเลขเศรษฐกิจที่มันโตๆ อยู่ตอนนี้มีเพียงคนไม่กี่กลุ่มเท่านั้นที่ได้ประโยชน์...จึงเลือกพูดแต่เพียงว่าภาพรวมเศรษฐกิจนั้นดูดีแต่ไม่กล้าบอกว่ามันดีอยู่กับกลุ่มทุนไม่ถึง 10 กลุ่มในประเทศนี้..
ตัวเลขจากกระทรวงพาณิชย์ พบว่าในปี 2558-2559 ธุรกิจ SME ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจใหญ่ของประเทศ (ในแง่จำนวนผู้ประกอบการ) โดยเฉลี่ยมียอดขายหดตัวลงถึง 17% กำไรขั้นต้นลดลง 8% และใช้เวลาในการหมุนเงินสดนานขึ้นเป็น 41 วัน หรือเพิ่มขึ้น 1.5 เท่าจากปีปกติ
นอกจากนี้ตัวเลขจากอุตสาหกรรมธนาคารพาณิชย์ ก็ชี้ให้เห็นว่าตัวเลขการก่อตัวขึ้นใหม่ของ สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL (NPL Formation) ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากถึง 1.5 เท่า หรือ 3.2 แสนล้านบาท ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับกำลังซื้อในประเทศ เช่น การขายส่งและขายปลีก และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น โรงสีข้าว ผู้ผลิตเหล็ก หรือแม้แต่กลุ่มพลังงานประเภทถ่านหิน...
และที่ควรระมัดระวังให้มากกว่าก็เพราะตัวเลขการก่อตัวขึ้นใหม่ของ NPL ครั้งนี้เทียบเท่ากับช่วงปี 2550 ก่อนที่ประเทศไทยจะเผชิญผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจแฮมเบอร์เกอร์ นอกจากนั้นสัดส่วน 2 ใน 3 ของ NPL เกิดจากบริษัทที่ไม่เคยเป็น NPL มาก่อน....
นักวิชาการนักเศรษฐศาสตร์ เริ่มจะพูดเหมือนกันว่าตอนนี้เศรษฐกิจไทยนั้นอยู่ในภาวะ “รวยกระจุก จนกระจาย”...ซึ่งรัฐบาลจำเป็นเหลือเกินที่ต้องทำลายวงจรนี้ให้ได้...
เพราะว่าการที่ธุรกิจ SME ชะลอตัวลงอย่างหนักแบบนี้จะส่งผลกระทบต่อภาคครัวเรือน...เพราะโครงสร้างการจ้างงานในประเทศกว่า 87% เป็นการจ้างงานในธุรกิจ SME และภาคเกษตร...เมื่อธุรกิจชะลอตัวย่อมส่งผลกระทบต่อรายได้ทั้งผู้ประกอบการและลูกจ้างในวงกว้าง...
และนี่เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้สัดส่วน NPL รายย่อยทยอยปรับตัวสูงขึ้น ทั้งสินเชื่อส่วนบุคคล บัตรเครดิตและสินเชื่อบ้านและรวมแล้วตอนนี้ NPL เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในรอบ 4 ปี.... โดยเฉพาะสินเชื่อบ้าน มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 2559…ปัจจุบันเพิ่มขึ้น 1.5 เท่า จากช่วงปี 2556-2557 และส่วนใหญ่เกิดจากกลุ่มที่เป็นเจ้าของธุรกิจ SME และผู้ที่ไม่มีรายได้ประจำ....ลองคิดดูขนาดว่าพวกเจ้าของกิจการยังกระอักเลือดขนาดนี้...พวกรายย่อย ลูกจ้างรายวัน พนักงานประจำ...จะรอดได้ไง....
นโยบาย “ลดความเหลื่อมล้ำเลย”...ทำท่าว่าจะได้แค่ฝันเท่านั้นแหละ...แต่ที่แน่ๆ ปัญหาสังคมกำลังจะปะทุหนักอีกครั้ง...ก็เห็นๆ ว่าข่าวการจับกุมผู้ค้ายาเสพติดมีทุกวัน ปริมาณยาเสพติดที่จับได้ก็เพิ่มขึ้น..บุคคลที่สังคมไม่คิดว่าจะไปข้องแวะกับเรื่องพวกนี้วันนี้ก็ได้เห็นกันแล้ว....
พงษ์พันธุ์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี