บริษัทหลักทรัพย์(บล.) บัวหลวงวิเคราะห์หุ้นบมจ.โรงพยาบาลจุฬารัตน์ หรือ CHG สำหรับ CHG เป็นหนึ่งในกลุ่มโรงพยาบาลผู้นำที่จะได้รับผลประโยชน์ เต็มๆ ในครึ่งปีหลังของปี 2560 จากการเปลี่ยนนโยบายการปรับเพิ่มราคาของลูกค้าระบบประกันสังคมซึ่งเป็นกำลังสำคัญที่จะหนุนผลประกอบการครึ่งหลังของปี 2560 ให้กำไรหลักกลับมาเติบโตโดดเด่นได้ที่ 12% YoY และ 20% HoH
เทียบกับครึ่งปีแรกที่กำไรเพียงทรงตัว YoY โดยจะเป็นรูปแบบเดียวกับผลประกอบการปี 2559 ที่กำไรกลับตัวที่ดีขึ้นในเดือนกรกฎาคม-ธันวาคม
แม้ว่าราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นมาจากจุดต่ำสุดของปีที่ 2.22 บาท หลังจากประกาศกำไรที่ต่ำกว่าคาดมากในไตรมาสที่ 2 ที่ประกาศกลางเดือนสิงหาคม แต่ราคาหุ้นยังนับว่าปรับตัวช้าเกินไปและมีโอกาสขึ้นไปได้อีกเนื่องจากราคาหุ้นยังคงลดลง 10% YTD ซึ่งต่ำเกินไปเนื่องจากเรายังคงคาดการณ์กำไรหลักเติบโต 6% ใน 2017 เราแนะนำให้นักลงทุน let profit run และซื้อเมื่ออ่อนตัว รวมทั้งคงคำแนะนำ ซื้อ ที่ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2560 ที่ 2.70 บาท (และเบื้องต้น 2.90 บาท ณ สิ้นปี 2561)
เราคาดการณ์ว่ารายได้ธุรกิจการแพทย์จะทำสถิติสูงสุดใหม่ได้อย่างน้อย 1,000 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 3/60 ที่เป็นช่วงไฮซีซั่น หนุนจากรายได้ผู้ป่วย A-class และผู้ป่วยประกันสังคมที่เติบโต ซึ่งจะชดเชยกับผู้ป่วยส่งต่อจากโรงพยาบาลรัฐในโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคที่น้อยลง อย่างไรก็ตาม การลดลงของรายได้จากส่วนโครงการ 30 บาทนี้จะช้าลง จากที่เคยลดลง 50% YoY ในไตรมาส 4/59 ถึง ไตรมาส 1/60 และ 2/60 เป็น 35% ในไตรมาส 3/60 และน่าจะเริ่มทรงตัว YoY ได้ในไตรมาส 4/60
ทั้งนี้เราคาดการณ์ว่ากำไรหลักไตรมาส 3/60 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ได้ (เติบโตถึง 40% QoQ) แม้จะมีฐานกำไรหลักสูงทำสถิติใหม่อยู่แล้วในไตรมาส 3/59 ก็ตาม โดยอัตรากำไรหลักจะทรงตัว YoY ได้แต่ขยายตัว QoQ ถึง 3.4%
เป็น 16.7% ในไตรมาส 3/60 สำหรับค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่มจากการขยายกำลังการให้บริการของโรงพยาบาลจุฬารัตน์ชลเวชที่เริ่มเปิดในไตรมาส 3/60 จะไม่ส่งผลกระทบต่อกำไรไตรมาส 3/60 อย่างมีนัยสำคัญ
นโยบายประกันสังคมใหม่ปรับราคาขึ้นสำหรับโรงพยาบาลในกลุ่มประกันสังคม ที่เป็นรายหัวจาก 1,460 บาทต่อหัวต่อปี เป็น 1,500 บาท และปรับขึ้นการจ่ายเงินสำหรับผู้ป่วยในกรณีกลุ่มวินิจฉัยโรคร่วมตามความรุนแรงของโรค จาก 10,000 บาทต่อ RW เป็น 12,800 บาท ต่อ RW โดยในกลุ่มโรงพยาบาลที่เราให้คำแนะนำนั้น CHG เป็นเพียงโรงพยาบาลเดียวที่ยังคงใช้การคำนวณแบบอนุรักษ์นิยมโดยแม้ว่าคำนวณการจ่ายเงินประกันสังคมรายหัวในอัตราใหม่ที่ 1,500 บาท แต่คิดการจ่ายเงินประกันสังคมในกรณีกลุ่มวินิจฉัยโรคร่วมที่อัตราเก่าที่ 10,000 บาท
เรามีคาดการณ์แบบอนุรักษ์นิยมว่ารายได้จากประกันสังคมจะโตเพียง 5% YoY ในไตรมาส 3/60 ทำให้เรามองว่ามีโอกาสเกิดรายได้ที่สูงกว่าคาดดังข้างต้นได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยการเติบโของรายได้จากการเพิ่มขึ้นของอัตราการจ่ายเงินของระบบประกันสังคมน่าจะเพิ่มรายได้ประกันสังคมในไตรมาส 4/60 ให้เติบโตได้เป็นตัวเลขสองหลัก YoY เนื่องจากผู้ป่วยประกันสังคมแบบที่เป็นโรคร้ายแรงนั้น คิดเป็นประมาณ 1 ใน 3 ของรายได้จากประกันสังคมทั้งหมดของบริษัท ดังนั้นการปรับเปลี่ยนนโยบายการจ่ายเงินประกันสังคมในครั้งนี้จะส่งผลต่อผลประกอบการไตรมาส 4/60 ให้เติบได้ดี YoY ถึงแม้จะเป็นโลซีซั่นก็ตาม
เราเห็นด้วยกับแผนการขยายการลงทุนในปี 2018-2019 (เพิ่มเตียงผู้ป่วยในโดยรวมสูงสุดได้ 16% ใน 2018 และ 13% ใน 2019) เนื่องจากรองรับการเติบโตของอุปสงค์การแพทย์รวมในภาคตะวันออกของประเทศไทย จะส่งเสริมการเติบโตของกำไรแบบยั่งยืนในระยะยาวให้บริษัท อย่างไรก็ตาม ด้วยอัตราการให้บริการที่น่าจะยังค่อนข้างน้อยในช่วงต้นของการเปิดให้บริการสำหรับโรงพยาบาลสร้างใหม่ จะสร้างความกังวลในการรับรู้ค่าใช้จ่ายและต้นทุนในช่วงแรกของการเปิดโรงพยาบาล โดยเรามองว่าค่าใช้จ่ายและต้นทุนส่วนเพิ่มเติมสำหรับโรงพยาบาลสร้างใหม่ CHG 304 Inter hospital (100 เตียงผู้ป่วยใน, มูลค่าเงินลงทุน 375 ล้านบาท) น่าจะเริ่มรับรู้ในครึ่งปีแรกของ 2561 ทั้งนี้ยังมีโรงพยาบาลสร้างใหม่ รวมแพทย์ฉะเชิงเทรา (โครงการร่วมทุนที่ CHG ถือ 65%, 100 เตียงผู้ป่วยใน, มูลค่าลงทุนรวม 600 ล้านบาท) มีแผนการเปิดในปี 2562
ที่มา : บล.บัวหลวง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี