นับจากวันที่รถไฟฟ้าบีทีเอสเปิดใช้ครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2542 ทำให้คนกรุงเทพฯเดินทางสะดวกและประหยัดเวลามากขึ้น ในแต่ละวันมีผู้โดยสารจำนวนมาก ซึ่งมีทั้งนักเรียน นักศึกษา คนทำงาน คนชรา หนึ่งในนี้จะมีผู้พิการรวมอยู่ด้วย
สำหรับคนพิการบางราย การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าอาจไม่ใช่ระบบขนส่งมวลชนที่สามารถถึงจุดหมายปลายทางได้เหมือนผู้โดยสารทั่วไป เนื่องจากไม่มีลิฟต์ทุกสถานี ทำให้คนพิการบางรายไม่สะดวก กว่าจะถึงจุดหมายปลายทาง อาจต้องเรียกรถแท็กซี่หรือขนส่งมวลชนอย่างอื่น ที่ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางเพิ่มขึ้น ลิฟต์มีเพียง 5 สถานีหลัก คือ สถานีอโศก หมอชิต สยาม ช่องนนทรี และอ่อนนุช
ทำให้เมื่อปีพ.ศ.2550 กลุ่มคนพิการในนามภาคีเครือข่ายขนส่งมวลชนทุกคนต้องขึ้นได้ (Transport for All) ยื่นฟ้องกรุงเทพมหานคร(กทม.)ต่อศาลปกครองกลาง กรณีไม่ดำเนินการจัดให้มีลิฟต์ อุปกรณ์อำนวยความสะดวกแก่คนพิการ ไม่ติดสัญลักษณ์คนพิการในและนอกตัวรถ จึงขอให้ศาลสั่งให้กทม.จัดให้มีลิฟต์และสิ่งอำนวยความสะดวกแก่คนพิการในบริเวณสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสทั้ง 23 สถานี
ต่อมาเมื่อวันที่ 21 มกราคม พ.ศ.2558 ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาให้กทม.จัดสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสทั้ง 23 สถานี ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2542) ออกตาม พ.ร.บ. การฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการ พ.ศ.2534 ที่กำหนดให้รถไฟฟ้าเป็นยานพาหนะที่ต้องมีอุปกรณ์ที่อำนวยความสะดวกโดยตรงให้แก่คนพิการภายในเวลา 1 ปี คือ ภายในวันที่ 21 มกราคม พ.ศ.2559
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ.2560 ทางเครือข่ายคนพิการและสมาชิก 98 คน ได้ยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งเรียกค่าเสียหายจาก กทม.ที่ไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่และการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ หลังพบว่า กทม.ดำเนินการได้เพียงร้อยละ 19 ลิฟต์และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกยังมีไม่ครบทั้ง 23 สถานี โดยเรียกค่าเสียหายจาก กทม.เป็นเงิน 1,000 บาทต่อคนต่อวัน รวมเป็นเงิน 1,440,000 บาท นับตั้งแต่ 21 มกราคม 2559 ซึ่งเป็นวันครบกำหนดที่ศาลสั่งให้ กทม.สร้างลิฟต์ให้ครบทุกแห่งจนถึงวันฟ้องคือ 20 มกราคม 2560
หลังจากถูกเครือข่ายคนพิการฟ้อง ทาง กทม.ได้ยื่นคำให้การโต้แย้งว่า คดีไม่ได้อยู่ในเขตอำนาจศาลแพ่ง แต่เป็นอำนาจของศาลปกครอง ทำให้คดียืดเยื้อออกไป ในที่สุดเมื่อกลางเดือนพฤษภาคม 2560 ศาลแพ่งได้มีคำวินิจฉัยว่า เป็นอำนาจพิพากษาของศาลแพ่ง แต่ทั้งนี้ศาลแพ่งต้องส่งความเห็นเขตอำนาจศาลดังกล่าวไปให้ศาลปกครองตรวจดูว่า จะโต้แย้งเขตอำนาจศาลหรือไม่ คงต้องรอดูต่อไปว่าผลของคำพิพากษาจะออกมาเช่นไร
ปัญหาดังกล่าวคงไม่เกิดขึ้น หาก กทม.ให้ความสำคัญและวางแผนไว้ตั้งแต่ต้น เมื่อเริ่มโครงการรถไฟฟ้า
การเรียกร้องของคนพิการถือเป็นการร้องเพื่อให้ได้สิทธิขั้นพื้นฐาน เพราะคนพิการมีสิทธิในการเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากสวัสดิการ สิ่งอำนวยความสะดวกอันเป็นสาธารณะและความช่วยเหลือที่เหมาะสมจากรัฐเช่นเดียวกับที่บุคคลทั่วไป
การเรียกร้องนี้ไม่เพียงแต่เกิดประโยชน์เฉพาะคนพิการ แต่ยังเป็นประโยชน์แก่คนอีกหลายกลุ่มที่สิ่งอำนวยความสะดวกมีความสำคัญเช่นกัน เช่น หญิงมีครรภ์ ผู้สูงอายุ
จากข้อมูลทะเบียนกลางคนพิการ กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2560 มีทั้งสิ้น 1,802,375 คน ในกรุงเทพมหานครมี 75,831 คน คนพิการเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทย ภาครัฐจึงควรให้ความสำคัญ ให้สวัสดิการ สิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อพวกเขาสามารถจะใช้ชีวิตอย่างคนปกติให้ได้มากที่สุด หากภาครัฐสามารถลุล่วงเป้าหมายนี้ ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะคนพิการเป็นพลังหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศ
รัฐบาลได้ส่งเสริมอารยสถาปัตย์ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ โดยมีการนำร่องชุมชนต้นแบบเกาะเกร็ด จังหวัดนนทบุรี สร้างถนนต้นแบบคนพิการที่ซอยประชาบดี (ซอยติวานนท์-ปากเกร็ด 1) อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี พร้อมขยายผลครอบคลุม 33 จังหวัด เช่น สมุทรสาคร นครพนม พิษณุโลก ชลบุรี กระบี่ แม่ฮ่องสอน ฯลฯ
ในกรุงเทพมหานครเริ่มมีถนนคนพิการแล้ว คือ ถนนเพลินจิตช่วงสี่แยกราชประสงค์ถึงถนนชิดลม แม้จะยังเป็นช่วงสั้นๆ
จากข้อมูลทะเบียนกลางคนพิการ จังหวัดนนทบุรีมีคนพิการ 19,298 คน โดยมีหน่วยงานด้านคนพิการจำนวนมาก เช่น สถานสงเคราะห์คนพิการ ศูนย์พัฒนาอาชีพและโรงเรียนเฉพาะคนพิการ รูปแบบที่รัฐจะให้การช่วยเหลือ คือ การจัดสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการและทุกคนในสังคม ทั้งต้นทางคือ บ้านพักอาศัย กลางทางคือ ระบบขนส่ง ถนน ทางเดินเท้า และปลายทางคือ อาคารและพื้นที่สาธารณะ เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน ห้างร้าน สถานที่ราชการ ฯลฯ เพื่อให้คนพิการสามารถออกจากบ้าน เข้าร่วมกิจกรรมทางสังคม และดำเนินชีวิตได้อย่างอิสระ
การที่รัฐบาลปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการ ในพื้นที่ฝั่งเทศบาลนครปากเกร็ดกว่า 50 จุดและพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบลเกาะเกร็ดไม่ต่ำกว่า 90 จุด เช่น ปรับปรุงป้ายรถเมล์ ทางเท้าเชื่อมระหว่างป้ายรถเมล์และท่าเรือ ทาสีตีเส้นที่จอดรถคนพิการ ป้ายชี้ทาง จุดแวะพัก เก้าอี้นั่งพัก ป้ายแผนผังต่างสัมผัส ห้องน้ำ ทางลาดและทางลาดลงโป๊ะ ปรับปรุงเรือต้นแบบ ย่อมทำให้เดินทางสะดวกและปลอดภัยมากขึ้น
การที่รัฐบาลให้ความสำคัญแก่คนพิการถือเป็นเรื่องดี ทั้งที่ควรจะให้ความสำคัญในเรื่องนี้มานานแล้ว โดยถือเป็นนโยบายที่สำคัญอย่างหนึ่งในการบริหารประเทศ ไม่ควรให้กลุ่มคนพิการต้องออกมาใช้สิทธิเรียกร้อง และดำเนินคดีในชั้นศาล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี