บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) วิเคราะห์หุ้นบมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น หรือ BCP เราคาดว่ากำไรสุทธิของ BCP ใน 3Q60 จะอยู่ที่ 1.9 พันล้านบาท (+59% YoY, 89% QoQ) ซึ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างมากจะมาจากกำไรที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจโรงกลั่น เนื่องจาก i) กำไรจากสต๊อกน้ำมัน และ ii) base GRM ที่สูงขึ้น เราคาดว่าบริษัทจะมีกำไรจากสต๊อกน้ำมัน 308 ล้านบาท จากที่มีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน 1.0 พันล้านบาท ใน 2Q59 ตามราคาน้ำมันดิบดูไบที่ขยับสูงขึ้นใน 3Q60 ในขณะที่คาดว่า base GRM จะเพิ่มขึ้น 18% QoQ เป็น US$7.5/bbl หลังจากที่ spread ของผลิตภัณฑ์จากการกลั่นทุกตัวเพิ่มขึ้นใน 3Q60 เราคาดว่าอัตราการกลั่นของบริษัทจะทรงตัว QoQ อยู่ที่ 114KBD คิดเป็นอัตราการใช้กำลังการผลิตที่ 95%
นอกจากนี้ เรายังคาดว่ากำไรจาก BCPG Pcl. (BCPG.BK/BCPG TB) ซึ่งเป็นบริษัทลูกก็จะเพิ่มขึ้น QoQ จากการรับรู้ผลการดำเนินงานเต็มไตรมาสของโครงการพลังงานลมขนาด 36MW (PetroWind I) ซึ่งบริษัทถือหุ้นอยู่ 40% และการเริ่มรับรู้รายได้จากการเข้าซื้อกิจการโครงการพลังงานความร้อนใต้พิภพสามโครงการกำลังการผลิต 875MW โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ 17%-20% ตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม แต่อย่างไรก็ตาม เราคาดว่ากำไรจากธุรกิจปั๊มน้ำมันจะลดลง QoQ เนื่องจากปริมาณยอดขายและค่าการตลาดลดลงใน 3Q60 เพราะเป็นช่วง low season เราคาดว่ากำไรสุทธิของ BCP ในงวด 9M60 จะคิดเป็น 78% ของประมาณการทั้งปีของเรา
ราคาหุ้น BCPG วิ่งขึ้นมาจากวันที่ 1 กันยายน แล้วถึง 32% เป็น 20.60 บาท เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ในขณะที่ราคาหุ้น BCP ขยับขึ้นมาแค่ 11% เท่านั้น ซึ่งหากเราใช้มูลค่าหุ้นตามราคาตลาดของ BCPG ซึ่ง BCP ถืออยู่ 70% มาใช้ในการประเมินมูลค่าหุ้น BCP ราคาเป้าหมายของ BCP จะเพิ่มขึ้น จาก 43.00 บาท เป็น 49.00 บาท โดยคำนวณให้ discount ราคาหุ้น BCPG 10% (Figure 3) ดังนั้นเราจึงเชื่อว่าราคาหุ้น BCP ยังตามหลังราคาหุ้น BCPG อยู่ นอกจากนี้ เรายังมองว่าราคาเป้าหมายตามปัจจัยพื้นฐานของ BCPG ยังมี upside อีกจากโครงการพลังงานลม 14MW (PetroWind II) ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา และเครื่องผลิตไฟฟ้าอีกสองเครื่องในโครงการพลังงานความร้อนใต้พิภพ Wayang Windu (กำลังการผลิตรวม 120MW) ซึ่งกำหนดจะเริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2563 และ 2565 ตามลำดับ ซึ่งเรายังไม่ได้รวมโครงการเหล่านี้ไว้ในการประเมินมูลค่าหุ้นในปัจจุบัน เนื่องจากบริษัทยังไม่ได้เซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) สำหรับโครงการเหล่านี้
เรายังคงราคาเป้าหมาย 1H61 เอาไว้ที่ 43.00 บาท ประกอบด้วย i) มูลค่าของธุรกิจโรงกลั่นและค้าปลีกน้ำมัน 29.00 บาท อิงจาก EV/EBITDA ที่ 6.5x และ ii) มูลค่าของธุรกิจพลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 14.00 บาท ซึ่งคำนวณโดยวิธี DCF ในขณะเดียวกัน เรายังคงคำแนะนำให้ซื้อ เนื่องจากเราเห็นโอกาสในการ trading ระยะสั้น เพราะเราคาดว่ากำไรจะสูงขึ้นใน 3Q60 และเราเชื่อว่าราคาหุ้น BCP ยังตามหลังราคาหุ้น BCPG อยู่
ส่วนปัจจัยเสี่ยงในกรณีที่เกิดความล่าช้าในการก่อสร้างโรงไฟฟ้า solar และความผันผวนของราคาน้ำมันดิบ และ GRM
ที่มา : บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี