สำหรับคนทั่วไป การที่อยู่เฉยๆ หรือประกอบสัมมาอาชีพสุจริต แล้วตกเป็นจำเลยถูกฟ้อง ไม่ว่าในทางแพ่งหรือทางอาญาโดยไม่ได้กระทำความผิด ถือเป็นเรื่องที่น่าตกใจ
เมื่อเดือนเมษายน 2560 ที่ผ่านมา เกิดกรณีฟ้องผิดตัวที่ศาลแพ่งธนบุรี เมื่อเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ คือ บริษัท จรัสรุ่งโรจน์ จำกัด ได้ฟ้องแพ่ง บริษัท ธัชพล โลหะกิจ จำกัด เป็นจำเลยที่ 1 กับพวกรวม 4 คน ข้อหาผิดสัญญาซื้อขาย เรียกค่าเสียหายกว่า 14 ล้านบาท
คดีนี้เป็นประเด็นทางสังคมคือ 1 ใน 4 จำเลยนั้น มีแม่ค้าขายหอยทอดรวมอยู่ด้วย ซึ่งไม่ได้ร่วมรู้เห็นการผิดสัญญาซื้อขายหรือเข้าร่วมเป็นกรรมการบริษัทแต่อย่างใด สาเหตุเกิดจากชื่อและนามสกุลเหมือนกับบุคคลที่มีชื่อเป็นกรรมการบ.ธัชพล โลหะกิจ จำกัด ปรากฏตามทะเบียนราษฎรที่ทนายโจทก์ไปขอคัด ตามปกติก่อนฟ้องคดีต้องมีการตรวจสอบชื่อจำเลยพร้อมทั้งคัดทะเบียนราษฎร เพื่อเป็นเอกสารประกอบในการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยได้มาต่อสู้คดี
เป็นเรื่องปกติที่บุคคลมีโอกาสที่ชื่อและนามสกุลซ้ำกัน โดยเฉพาะคนที่มีชื่อและนามสกุลเป็นคำสั้นๆ ง่ายๆ เพราะคนไทยมีมากกว่า 65 ล้าน เมื่อตรวจสอบชื่อจำเลยที่จะขอคัดทะเบียนราษฎรกับทางสำนักงานเขตหรือที่ทำการอำเภอ หากไม่มีหรือไม่ทราบหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน มีเพียงชื่อและนามสกุล บางครั้งจะพบว่า มีชื่อและนามสกุลเดียวกัน ซ้ำกันหลายคน
แต่หากตรวจสอบอย่างละเอียดหรือหาข้อมูลอื่นประกอบ จะล่วงรู้ได้ว่าแม้ชื่อกับนามสกุลเหมือนกันแต่ไม่ใช่บุคคลคนเดียวกัน เช่น พิจารณาจากอายุ ชื่อบิดาและมารดา ที่อยู่หรือภูมิลำเนา แต่หากมีเลขประจำตัวประชาชนมาประกอบด้วย โอกาสผิดพลาดจะน้อยมาก เพราะแต่ละคนย่อมมีหมายเลขบัตรแตกต่างกัน เว้นแต่จะมีการปลอมแปลงหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน
สาเหตุการฟ้องผิดตัว ฟ้องแม่ค้าหอยทอดเป็นจำเลยดังกล่าวเกิดจากความผิดพลาดที่บริษัทโจทก์ยื่นฟ้อง โดยไม่ได้ตรวจสอบชื่อและนามสกุลบุคคลที่จะถูกฟ้องเป็นจำเลยให้ถูกต้องชัดเจนก่อน แต่ล่าสุดบริษัทโจทก์ได้ดำเนินการถอนฟ้องแม่ค้าขายหอยทอดเรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตาม แม้ถอนฟ้อง ก็ถือได้ว่ามีความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว เรื่องแบบนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้น หากระมัดระวังตามสมควร ก่อนหน้านี้เคยมีทนายความคนหนึ่งไปคัดทะเบียนราษฎรชื่อและนามสกุลของบุคคลคนหนึ่งเพื่อฟ้องคดีล้มละลาย โดยไม่ตรวจสอบให้ดีว่า เป็นบุคคลคนเดียวกับที่ต้องการฟ้องหรือไม่ จนศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดบุคคลนั้น
ต่อมาบุคคลซึ่งเป็นจำเลยในคดีล้มละลาย ได้ฟ้องกลับทนายความข้อหาละเมิดคดีขึ้นสู่ศาล ศาลพิจารณาเห็นว่าทนายความกระทำการละเมิด
ต่อโจทก์จริง เพราะทนายความเป็นวิชาชีพทางกฎหมายย่อมต้องละเอียดรอบคอบ มีหน้าที่ต้องใช้ความระมัดระวังตามวิสัยและพฤติการณ์เป็นพิเศษ ทั้งการว่าความในศาลย่อมมีผลกระทบต่อคู่ความที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการฟ้องคดีล้มละลาย เพราะผู้ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดย่อมถูกจำกัดสิทธิต่างๆหลายประการ คดีนี้จึงเป็นอุทาหรณ์ให้กับทนายความทั้งหลาย
การมีชื่อกับนามสกุลเหมือนหรือซ้ำกัน ยังเกิดขึ้นกับนักการเมืองชื่อดังในอดีตอย่างนายเสนาะ เทียนทอง ผู้ปั้นนายกรัฐมนตรีมาแล้ว 4 คน เมื่อครั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เมื่อไปตรวจงานที่สำนักงานทะเบียนราษฎร ในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ได้ให้เจ้าหน้าที่พิมพ์ชื่อตัวเองเพื่อตรวจสอบกับระบบคอมพิวเตอร์ ปรากฏว่า มีคนชื่อเสนาะ เทียนทอง เหมือนกันถึง 9 คน
นอกจากนี้ราว 20 ปีก่อนยังเกิดกรณีพิธีกรสาวรายการทีวี ถูกจับข้อหาเช็คเด้ง เพราะมีชื่อซ้ำกับจำเลยที่ศาลออกหมายจับ แต่ท้ายที่สุดมาทราบความจริงว่า จับผิดตัว นับเป็นข่าวใหญ่ในยุคนั้น จะเห็นได้ว่าการมีชื่อและนามสกุลเหมือนผู้กระทำความผิด มีโอกาสเสี่ยงได้รับความเดือดร้อนไปด้วย
ย้อนกลับมาที่คดีแม่ค้าขายหอยทอด หากไม่ร้องขอความเป็นธรรมต่อผู้ว่าราชการจังหวัด ถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือจากสำนักงานอัยการ ช่วยไกล่เกลี่ยคดี หรือไม่เป็นข่าวขึ้นมา แล้วโจทก์ที่ยื่นฟ้องคดีไม่ตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้ง อาจถูกศาลพิพากษาให้ชำระหนี้กว่า 14 ล้านบาท
ในทางคดีเมื่อโจทก์ยื่นฟ้องแล้ว ศาลไม่มีหน้าที่ไปตรวจสอบว่า จำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกับที่โจทก์ประสงค์จะยื่นฟ้องหรือไม่ หากศาลสงสัยถือเป็นหน้าที่ของโจทก์ต้องแถลงให้ศาลทราบหรือยืนยันว่าเป็นบุคคลคนเดียวกัน ซึ่งนับว่ามีความสำคัญมากที่ต้องตรวจสอบความถูกต้องก่อนจะฟ้องคดี
อย่างไรก็ตาม การฟ้องผิดตัวในคดีแพ่งเพราะเหตุชื่อ-นามสกุลซ้ำกัน ยังไม่ร้ายแรงเท่าคดีอาญาที่มีการจับผิดตัว เพราะคดีอาญาเมื่อถูกแจ้งข้อหาว่ากระทำผิดแล้ว ถึงตอนนั้นต้องใช้สิทธิขอประกันตัวเพื่อต่อสู้คดี หากไม่มีหลักประกันหรือเป็นคดีร้ายแรง อาจไม่ได้รับการประกันตัว เมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว จำเลยต้องรับโทษจำคุกซึ่งปรากฏเป็นข่าวบ่อยครั้งว่า มีการจับแพะ จนต้องขอรื้อฟื้นคดีอาญาใหม่
ปัจจุบันเป็นยุคข้อมูลข่าวสาร หากผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่ได้รับความเป็นธรรม จะปรากฏเป็นข่าวขึ้นมาเสมอ เริ่มแรกอาจเป็นข่าวแค่โลกออนไลน์หรืออินเตอร์เนต ต่อมาเมื่อมีการส่งต่อหรือแชร์ข้อมูลกันมากๆ จะเริ่มได้รับความสนใจจากสื่อมวลชน โทรทัศน์ เป็นข่าวดังระดับประเทศภายในไม่กี่วัน เช่น คดีคุณครูจอมทรัพย์ หรือที่เรียกกันว่าคดีครูแพะที่ขอรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่
สำหรับแม่ค้าขายหอยทอดยังนับว่าโชคดีที่เป็นแค่คดีแพ่ง และได้รับการช่วยเหลือทางกฎหมายทันท่วงที คดีนี้ถือเป็นอุทาหรณ์ให้ใครหลายๆ คนที่คิดจะเปลี่ยนชื่อและนามสกุลตัวเองว่า อย่าให้เหมือนหรือซ้ำกับบุคคลอื่น รวมถึงการทำธุรกรรมต่างๆ ควรตรวจสอบเอกสารของตัวเองให้ดี ไม่ควรอนุญาตให้ผู้อื่นนำไปใช้ และคงเป็นบทเรียนให้คนที่ทำงานด้านกฎหมาย ควรใช้ความระมัดระวังมากกว่าคนธรรมดา ก่อนที่จะดำเนินการยื่นฟ้องใคร เพราะพลาดพลั้งอาจถูกฟ้องเป็นจำเลยเสียเอง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี