nn แม้ว่าขณะนี้ไทยยังไม่มีการนำเข้าเนื้อสุกรและชิ้นส่วนจากประเทศสหรัฐ..แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะปิดประตูตายไปเสียทีเดียว...เพราะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ท่านออกมาให้สัมภาษณ์ เมื่อ 2 วันก่อนว่า ต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาข้อดีและข้อเสียของเรื่องนี้...
แน่นอนว่าประเด็นที่รัฐบาลกังวลนั้นคือ...เกรงว่าสหรัฐอเมริกาจะตำหนิและร้องต่อองค์การการค้าโลก(WTO) ว่าไทยนั้นกีดกันการค้า...แต่ เศรษฐศาสตร์วันหยุด...ก็อยากจะบอกว่าข้อตกลงของ WTO นั้นก็มีข้อยกเว้น....หากไทยจำเป็นต้องปกป้องความปลอดภัยของประชาชนและผลกระทบที่ร้ายแรงต่อระบบเศรษฐกิจในประเทศ...
การเลี้ยงสุกรของไทยในรอบหลายทศวรรษที่ผ่านมา ได้มีพัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านเทคโนโลยี พันธุ์สัตว์ และเวชภัณฑ์ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่มาจากบริษัทของสหรัฐฯ ที่เข้าดำเนินธุรกิจในไทย หรือแม้แต่อาหารสุกรที่มีกากถั่วเหลือง เป็นวัตถุดิบหลัก ก็เป็นการนำเข้าจากสหรัฐฯ โดยอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ของไทยปี 2560 นี้มีความต้องการใช้อาหารสัตว์รวม 13.7 ล้านตัน แบ่งเป็นอาหารสุกรรวม 6.3 ล้านตัน และอาหารไก่เนื้อรวม 7.4 ล้านตัน นั่นหมายความว่ายิ่งอุตสาหกรรมการเลี้ยงสุกรของไทยเติบโต สหรัฐฯก็ยิ่งได้ประโยชน์ด้วย
ขณะเดียวกัน หากพิจารณาด้านต้นทุนอาหารสัตว์ของไทย ที่คิดเป็น 70% ของต้นทุนการผลิตสุกร จะพบว่าไทยไม่สามารถแข่งขันด้านต้นทุนการเลี้ยงของสหรัฐฯ ได้เลย เพราะสหรัฐฯ เป็นประเทศผู้นำในระดับโลกทั้งการเพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ข้าวสาลี และถั่วเหลืองสำหรับการเลี้ยงสัตว์ ทำให้การเลี้ยงสุกรของสหรัฐฯ มีต้นทุนเฉลี่ยที่ประมาณ 50-60% ของการเลี้ยงสุกรของไทยเท่านั้น นอกจากนี้ สหรัฐยังมีกฎหมายฟาร์มบิลที่ปกป้องเกษตรกร ขณะที่ไทยไม่มีกฎหมายคุ้มครอง
ด้านสุขอนามัย การเลี้ยงสุกรของไทยมีจำนวน 18 ล้านตัว โดย 97% เป็นการผลิตเพื่อรองรับการบริโภคภายในประเทศ สหรัฐฯใช้สารเร่งเนื้อแดงในการเลี้ยงสุกร แต่กฎหมายไทยระบุห้ามใช้สารเร่งเนื้อแดง หรือยาในกลุ่มเบต้าอะโกนิสต์ รวมทั้งแร็กโตปามีน อย่างเด็ดขาดตั้งแต่ 14 มิถุนายน 2542 ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับสหภาพยุโรปและอีกหลายๆ ประเทศที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในอาหารและสุขอนามัยของผู้บริโภค โดยภาครัฐ ทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงสาธารณสุข ได้มีการรณรงค์มาอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับมีการจับกุมและลงโทษผู้ลักลอบใช้ เพราะยาในกลุ่มดังกล่าวมีฤทธิ์กระตุ้นสมอง และระบบไหลเวียนเลือด ยิ่งถ้าใช้เกินขนาด จะทำให้สัตว์อยู่ในสภาพถูกทรมาน ในส่วนของผู้บริโภคที่บริโภคเข้าไปจะมีอาการใจสั่น นอนไม่หลับ และเป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างมาก
ประเทศไทยมีเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรอยู่ประมาณ 200,000 ครัวเรือน... ผลผลิตที่เลี้ยงได้จึงเป็นการผลิตเพื่อป้อนตลาดในประเทศเป็นหลัก หากว่ารัฐบาลตกลงเปิดนำเข้าสุกรจากสหรัฐฯ จะส่งผลให้เกิดภาวะล้นตลาดแน่นอนได้และจะส่งผลให้ราคาสุกรตกต่ำลงทันทีกระทบต่อรายได้เกษตรกรอย่างหนัก....นอกจากนี้จะยังส่งผลกระทบไปทั้งห่วงโซ่การผลิตที่เกี่ยวข้อง อาทิ เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และมันสำปะหลัง ผู้ผลิตอาหารสัตว์ ยา และเวชภัณฑ์ ซึ่งมีมูลค่ารวมทั้งอุตสาหกรรมสูงถึง 80,000 ล้านบาท เมื่อวันนั้นมาถึง คงยากที่จะเยียวยา....
ด้วยเหตุผลเพียงเท่านี้ไทยก็สามารถปฏิเสธสหรัฐได้แล้ว..และไม่ต้องกลัวที่สหรัฐฯ ฟ้ององค์การการค้าโลก...ที่สำคัญเราไม่ได้สู้กับสหรัฐเพียงลำพัง..เพราะไทยยังมีภาคีพันธมิตรประเทศที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้สารเร่งเนื้อแดง เช่น จีน และประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป หรืออียู...
พงษ์พันธุ์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี