ทุกวันนี้ หลายๆ คนที่ใช้รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์อาจไม่เคยทราบเลยว่าเมื่อไรถึงเวลาที่รถต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ตอนเข้าอู่เคยตรวจสอบหรือไม่ว่า น้ำมันเครื่องที่นำมาเปลี่ยนถ่ายนั้นเหมาะกับการใช้งานหรือมีคุณภาพเหมาะสมกับสภาพรถหรือไม่ หลายคนอาจเปลี่ยนถ่ายไปตามที่ช่างบอกหรือตามยี่ห้อที่โฆษณาดังๆ
ประโยชน์ของน้ำมันเครื่องเปรียบเสมือนน้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์ ทำให้อุณหภูมิรถยนต์เย็นลง ป้องกันการสึกหรอ ป้องกันสนิมจากการกัดกร่อน ลดการเสียดสี ช่วยให้เครื่องยนต์สะอาด ทำให้ส่วนประกอบรถยนต์ต่างๆ ทำงานเป็นปกติ ลดการใช้พลังงานทำให้เครื่องยนต์มีประสิทธิภาพมากขึ้น
นอกจากนั้น ยังมีหัวเชื้อน้ำมันเครื่องซึ่งเมื่อถึงเวลาเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ศูนย์บริการหรืออู่บางแห่งอาจแนะนำให้ลูกค้าใส่ เพื่อรถยนต์จะได้วิ่งดีขึ้น เครื่องแรงขึ้น ช่วยล้างคราบสกปรกภายในเครื่องยนต์ ลดการสึกหรอ ทั้งที่โดยหลักการหัวเชื้อน้ำมันเครื่อง คือสารตัวเดียวกันกับสารเติมแต่ง (Oil Additives) ที่ถูกใส่มากับน้ำมันเครื่องอยู่แล้ว เช่น สารทำความสะอาด (Detergents)
ช่วงเดือนกันยายนที่ผ่าน อาจารย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์คนหนึ่งซึ่งเชี่ยวชาญด้านเคมี ได้พิสูจน์หัวเชื้อน้ำมันเครื่อง 2 ยี่ห้อดัง ด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้เครื่องมือทดลอง Infrared Spectroscopy IR (เป็นเทคนิคที่ใช้วิเคราะห์ตรวจสอบเกี่ยวกับโมเลกุลของสาร โดยอาศัยหลักการเกี่ยวกับการสั่น(Vibartion) ของโมเลกุลแสงอินฟราเรดช่วงกลาง) เพื่อพิสูจน์หมู่ฟังก์ชั่นเคมีและเครื่อง Nuclear Nagnetic Resonance วิธีนี้เป็นการแยกแยะหมู่ธาตุและส่วนประกอบต่างๆ ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก
ผลทดสอบปรากฏว่า หัวเชื้อน้ำมันเครื่องดังกล่าว มีโครงสร้างแบบเดียวกัน คือ Chlorinated Parafins หรือน้ำมันพาราฟีนที่มีอะตอมของคลอรีนผสมอยู่ ซึ่งไม่ได้เป็นชนิดเดียวกับน้ำมันเครื่อง และสารคลอรีนเมื่อเจอความร้อนสูง จะแตกตัวกลายเป็นกรดเกลือ เข้าไปกัดซีลยาง ปะเก็น ฯลฯ ทำให้เกิดการรั่วตามมา และส่งผลเสียหาย อาจทำให้เครื่องยนต์พัง ที่ผ่านมายังไม่เคยมีใครนำสารตัวนี้มาเป็นน้ำมันเครื่องเลย น้ำมันพาราฟีนส่วนมากใช้ในอุตสาหกรรมพลาสติก เลื่อยเหล็ก ไม่ใช่หัวเชื้อน้ำมันเครื่องอย่างที่อวดอ้างสรรพคุณ
สำหรับน้ำมันพาราฟีนที่มีอะตอมของคลอรีนผสมอยู่นี้ จะมีอุณหภูมิการทำงานอยู่ที่ 200-500 องศาเซลเซียส โดยทั่วไปมักใช้เคลือบโลหะเพื่อลดแรงเสียดทาน เช่น เวลาเลื่อยเหล็ก ซึ่งมีความร้อนไม่สูงเท่าเครื่องยนต์ที่อยู่ 500-1,000 องศาเซลเซียส และเมื่อมาอยู่ในเครื่องยนต์ จะทำให้สารดังกล่าว สูญเสียคุณสมบัติความเหนียวที่มีอยู่เดิม กลายเป็นเขม่าหรือกรดเกลือ
ก่อนหน้านี้อาจารย์คนดังเคยกล้าท้าพิสูจน์ผ่ากระทะโคเรียคิง ที่มีผู้ร้องเรียนผ่านสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค( สคบ.)ว่า โฆษณาเกินจริง อ้างเคลือบ 8 ชั้น ไม่ต้องใช้น้ำมัน ทนความร้อนได้ 400 องศาเซลเซียส และตั้งราคาขายแพงเกินไปเมื่อเทียบกระทะที่นำเข้าจากต่างประเทศเพียงใบละ 900 บาท แต่กระทะโคเรียคิงตกใบละประมาณ 3,000 บาทเมื่อซื้อผ่านรายการส่งเสริมการขาย และซื้อ 1 ใบ แถมอีก 1 ใบ จากปกติใบละ 15,000 บาท
การผ่ากระทะโคเรียคิงทำให้สังคมตื่นตัวกับการโฆษณาสินค้าผ่านรายการส่งเสริมการขายมากขึ้น กรณีหัวเชื้อน้ำมันนี้ก็เช่นกัน คล้ายกระทะโคเรียคิงเพราะมีการโฆษณาชวนเชื่อ อวดอ้างสรรพคุณ และขายกันเกลื่อนตามโซเชียลมีเดีย พอเกิดปัญหากับเครื่องยนต์ ตัวแทนจำหน่ายจะบอกลูกค้าว่าใช้ไม่ถูกวิธี จึงเกิดปัญหา นอกจากนี้น้ำมันเครื่องดังกล่าว ยังมีนักแข่งรถนำไปใช้เพื่อให้เครื่องยนต์แรงขึ้น จนมีปัญหาเครื่องยนต์พัง ต้องเข้าแจ้งความกับตำรวจกองปราบฯพร้อมผู้เสียหายอีกหลายราย เพื่อเอาผิดผู้จำหน่าย ซึ่งตอนนี้อยู่ในขั้นตอนตรวจสอบหาสาเหตุเครื่องยนต์พัง เกิดจากหัวเชื้อน้ำมันเครื่องหรือไม่ หากผลสรุปออกมาว่าสาเหตุเกิดจากหัวเชื้อน้ำมันเครื่อง ตำรวจคงต้องดำเนินคดีกับผู้จัดจำหน่ายต่อไป
จากการโอ้อวดสรรพคุณ ทั้งที่ในความเป็นจริงการเติมหัวเชื้อน้ำมันเครื่องลงในเครื่องยนต์ แทบจะไม่มีความจำเป็นแต่ประการใด สำหรับการใช้รถยนต์ปกติ เพราะในน้ำมันเครื่องปกติมีส่วนผสมบางส่วนเช่นเดียวกับหัวเชื้อน้ำมันเครื่องอยู่แล้ว และหากเติมหัวเชื้อน้ำมันเครื่องที่ไม่ได้คุณภาพมาตรฐาน อาจทำให้เครื่องยนต์พัง ต้องเสียค่าซ่อมมากกว่าค่าน้ำมันเครื่องหลายเท่า
การป้องกันแก้ปัญหาจากการโอ้อวดสรรพคุณรายการสินค้าส่งเสริมการขาย หรือการขายของตามโซเชียลมีเดีย ควรมีหน่วยงานมาดูแล จัดการอย่างจริงจังเด็ดขาดเสียที ไม่ใช่เป็นแค่เสือกระดาษอย่างทุกวันนี้ที่ต้องรอให้เกิดปัญหาขึ้นก่อน เพราะถ้าเกิดเพียงรายสองราย เมื่อร้องเรียนยังหน่วยงานรัฐ อาจไม่ได้รับการดูแล ต้องรอให้มีผู้เสียหายหลายๆ รายก่อน จึงจะดำเนินการเยียวยาแก้ไขให้ ทำให้การดำเนินการล่าช้า จนผู้เสียหายต้องไปฟ้องร้องคดีเอง
เรื่องหัวเชื้อน้ำมันเครื่อง หากไม่ได้ความกล้าหาญของอาจารย์คนดัง ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์กับสังคมและให้ความกระจ่างโดยหลักทางวิทยาศาสตร์ ทำให้คนที่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและเติมหัวเชื้ออยู่ทุกวันนี้ทราบข้อเท็จจริงว่า มีการปลอมส่วนผสม ซึ่งหลังจากนี้น่าจะทำให้ตื่นตัวกันมากขึ้น แม้ว่าตัวอาจารย์เองอาจสุ่มเสี่ยงถูกผู้ผลิตและจัดจำหน่ายฟ้องร้องฐานทำให้เสียชื่อเสียง ที่ท้าพิสูจน์ดังกล่าว
หากว่าคนที่มีความรู้ความสามารถอีกจำนวนหนึ่งกล้าออกมาทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับสังคมแบบอาจารย์คนดัง คงช่วยกลั่นกรองไม่ให้ผู้บริโภคหลงเชื่อการโอ้อวดสรรพคุณของสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน แม้ว่าการตัดสินใจขั้นสุดท้ายจะอยู่ที่ผู้บริโภคก็ตาม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี