เชื่อว่าถ้าใครมาวิพากษ์วิจารณ์ว่าเศรษฐกิจไทยไม่ดีหรือทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลทำงานไม่เป็น...คนของรัฐบาลคงเถียงคอเป็นเอ็น...เพราะเมื่อไม่นานมานี้หลายสำนักก็เพิ่งจะปรับเพิ่มตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจของปี’60...ตามมาด้วยการถูกธนาคารโลกเพิ่มอันดับประเทศที่น่าลงทุนขึ้นมาตั้ง 20 อันดับ...
และสดๆ ร้อนๆ ก็ World Economic Forum หรือ WEF ว่า ล่าสุด WEF ได้ประกาศผลการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของไทยปี 2560 โดยปรับความสามารถทางการแข่งขันของไทยอยู่อันดับที่ 32 จาก 137 ประเทศทั่วโลก เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่อันดับที่ 34….ซึ่งการจัดอันดับยังรวมถึงการพิจารณาถึงการดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจมหภาคด้วย ซึ่งไทยอยู่อันดับที่ 9 จาก 137 ประเทศ และเมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศอาเซียน พบว่า ไทยอยู่อันดับที่ 1 และอันดับที่ 2 คือ สิงคโปร์....
ซึ่งก็ไม่รู้ว่าด้วยสารพัดข่าวดีๆ แบบนี้หรือเปล่า...ทำให้ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ และในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล...กล้าที่จะประกาศกลางเวทีสัมมนา... ไทยแลนด์ 2018 จุดเปลี่ยนและความท้าทาย....ว่าคนไทยทุกคนที่ยังมีความยากจนอยู่ จะต้องหายจนให้ได้ในปีหน้า(2561)...เพราะว่า… “ในปีหน้า หรือปี 2018 ตนคิดว่าเป็นปีแห่งโอกาสสำหรับประเทศไทยที่จะกลับมารุ่งเรืองอีกครั้งหนึ่ง อาทิ การประชุมเอเปก จากเดิมเป็นเวทีพูดเรื่องการค้าเสรี ดูที่การประชุมอาเซียนซัมมิท สาระสำคัญมีน้อย แต่สิ่งสำคัญคือ ประเทศใหญ่ๆ พยายามเอาตัวเองเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาเซียน เพื่อเป็นพันธมิตร ประเทศอเมริกา โฟกัสมาที่อาเซียนมากขึ้น”…และรัฐบาลจะใช้โอกาสที่มีอยู่เร่งแก้ปัญหาความยากจนของประเทศ….
ถ้าฟังแบบผ่านๆ อย่างเคลิบเคลิ้ม....ก็อาจจะหลงเชื่อได้ว่า..รัฐบาลมีฝีมือพอที่จะกระจายอานิสงส์ของการเติบโตทางเศรษฐกิจไปสู่คนส่วนใหญ่ของประเทศได้แล้ว...ไม่ตกอยู่ในภาวะ... “รวยกระจุก จนกระจาย”...เหมือนอย่างเช่นทุกวันนี้...
แต่จริงๆ แล้วรัฐบาลไม่ได้กระจายความมั่งคั่งของ “กลุ่มทุน”...ที่รวยขึ้นรวยขึ้น...จากยอดการส่งออกที่ขยายตัวได้ 7-8%...หรือจากกลุ่มนายทุนเจ้าของกิจการบริการด้านการท่องเที่ยว...ที่รับทรัพย์กันเพลินหลังจากยอดนักท่องเที่ยวทะลุเป้า...หรือแม้กระทั่งจากกลุ่มทุน 3-4 ราย ที่รับงานกันมือระวิงจากสารพัดโครงการลงทุนของรัฐ...
วิธีการแก้ปัญหาความยากจนของรัฐบาลคือ....หาทางออกมาตรการพิเศษออกมาดูแล โดยเฉพาะการกระจายเม็ดเงินลงไปยังชุมชนมากขึ้น...และอาจจะเริ่มด้วยการแก้กฎระเบียบเพื่อดึงเงินสะสมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) ที่มีอยู่กว่า 200,000 ล้านบาท มาใช้...เช่น การจ้างงานในพื้นที่ พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชุมชน สาธารณสุขชุมชน ดูแลผู้พิการ และผู้สูงอายุในชุมชน...
เข้าใจไม่ผิดได้เงินสะสมของ อปท.มาจากภาษี...จริงอยู่แม้ว่า “กลุ่มทุนใหญ่” จะเสียภาษีมาก...แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดของภาษีที่รัฐเก็บได้แต่ละปี...การหวังแก้ปัญหาความยากจนให้หมดไปนั้นดี...แต่ถ้าจะให้ยั่งยืนคือต้องลดอัตราความเหลื่อมล้ำให้ได้ด้วย...เพราะตอนนี้มันห่างกว้างมากขึ้นทุกที...
3-4 เจ้าสัวที่รวยเอารวยเอาอยู่ตอนนี้...หรือ 3-4 กลุ่มทุนในธุรกิจก่อสร้าง...คนพวกนี้ต่างหากที่รัฐบาลควรดึงมาช่วยจ้างงานในพื้นที่ให้มากขึ้น...ลูกจ้างพนักงานที่ทำงานกับพวกเขาอยู่ตอนนี้ก็ควรได้รับเงินเดือนสวัสดิการอย่างสมเหตุสมผล...หรือทำอย่างไรผู้มีรายได้น้อย 11 ล้านคน...จะได้มีโอกาสถูกจ้างงานจากกลุ่มทุนเหล่านี้...
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี