** ในขณะที่ประเทศไทยกำลังเร่งพัฒนาในด้านอุตสาหกรรมอย่างเร่งรีบ...เพราะอยากให้ไทยก้าวผ่านจากประเทศเกษตรกรรมเพราะมองว่ารายได้มันน้อยและยากจน...จนลืมมองให้รอบด้าน...โดยเฉพาะเรื่องของการจัดขยะอุตสาหกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ...
ปัญหาขยะอุตสาหกรรม ขยะพิษ และขยะอิเล็กทรอนิกส์...นั้นเกิดขึ้นมานานแล้วในประเทศไทย...แต่ที่ยังไม่ระเบิดออกมาตอนนี้เพราะว่ายังมีพื้นที่เหลือที่จะ “ซุกไว้ใต้พรม”...แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีข่าวการร้องเรียนจากชาวบ้านและชุมชนบ้างว่าได้รับผลกระทบจากขยะเหล่านี้...แต่สุดท้ายเรื่องก็เงียบหาย เพราะเสียงชาวบ้านไม่ดังเท่าเสียงนายทุน...
แต่หลังจากนี้อีกไม่นานเชื่อว่าจะปิดกันไม่มิดแล้วล่ะ..เพราะขยะมันกองโตขึ้น เพิ่มพูนขึ้นทุกที...ขณะที่แหล่งกำจัดขยะพิษที่ถูกวิธีและได้มาตรฐาน...ก็มีเพียงแค่เตาเผาของ “อัคคีปราการ” แห่งเดียวเท่านั้น...จึงไม่เพียงพอที่จะรองรับได้...
ที่สำคัญด้วยความมักง่ายและเอาเปรียบสังคมเพราะอยากจะลดค่าใช้จ่าย...เจ้าของขยะมีพิษก็เลือกที่จะไม่ใช้เตาเผาของอัคคีปราการเพราะว่าต้นทุนมันสูง..แต่ใช้วิธีให้บริษัทรับกำจัดขยะเอาไปฝังกลบ...ทั้งที่ขยะพิษบางอย่างนั้นสามารถใช้ระบบฝังกลบได้ แต่บางอย่างก็ใช้ไม่ได้...เช่น...กรณียาฆ่าแมลง และสารเคมีหลายชนิด....
แต่ด้วยความหละหลวมและช่องโหว่ของกฎหมาย...ทำให้ขยะพิษร้ายแรงพวกนี้หลุดลอดออกมาทำร้ายประชาชนและสิ่งแวดล้อม...ยกตัวอย่าง เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา..เกิดเพลิงไหม้โกดังเก็บปุ๋ยเคมี สารเคมีที่ใช้ในการเกษตร และยาฆ่าแมลง และสารเคมีปราบศัตรูพืช...ที่จ.นครปฐม..ของที่ถูกไฟฟ้านั้นมีน้ำหนักรวมกันประมาณ 3 หมื่นตัน...!! รู้ไหมว่าสารอันตรายที่ถูกไฟไหม้เหล่านี้ไปไหน...?? เชื่อว่าถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตอนนี้ทุกคนก็บอกไม่รู้...เช่น กรณีของกรมโรงงานอุตสาหกรรม...ตอนนี้ก็ต้องบอกว่า..เนื่องจาก...โกดัง...ไม่ใช่โรงงาน...กรมโรงงานฯจึงไม่มีอำนาจไปตรวจสอบ....
เอาอย่างนี้...เศรษฐศาสตร์วันหยุด...จะบอกให้ว่า...ยาฆ่าแมลง สารเคมีมีพิษ จากโกดังที่ถูกไฟไหม้...ถูกเอาไปฝังกลบในโรงงานบ่อขยะแห่งหนึ่งใน จ.สระแก้ว...โรงงานเดียวกันกับที่เคยถูกชาวบ้านร้องเรียนว่า...ทำให้เกิดการปนเปื้อนของโลหะหนักในดินและแหล่งน้ำของชุมชน...ซึ่งเรื่องการทดสอบคุณภาพดินและน้ำจากเหตุคราวก่อนยังไม่ได้ข้อพิสูจน์เลย...และนี่หนักข้อขึ้นอีก...เพราะหากสารพิษพวกนี้ไหลลงไปปนเปื้อนในแหล่งน้ำ...มันไม่ใช่แค่เข้าไปสะสมในร่างกายและก่อให้เกิดโรคมะเร็ง....แต่คนที่รับสารพิษพวกนี้เข้าไปอาจตายได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว....!! ชี้เบาะแสให้ขนาดนี้แล้ว...อุตสาหกรรมจังหวัดสระแก้ว...เข้าไปตรวจสอบได้หรือยัง..???? หรือว่าต้องรอให้มีคนตายก่อน...ถึงจะเริ่มรู้สึกตัว...
นี่แค่ปัญหาเดิมๆ...ยังแก้ไม่จบแก้ไม่ได้....ในอนาคตจะมีปัญหาจากขยะอิเล็กทรอนิกส์อีกที่จะเข้ามาซ้ำเติม...เช่น พวกแผงโซลาร์เซลล์...ซึ่งจะทยอยหมดอายุในเร็วๆ นี้จำนวนมหาศาล...และบอกตามตรงว่าเมืองไทยยังไม่มีเทคโนโลยีในการกำจัดแผงโซลาร์เซลล์ที่ได้มาตรฐานด้วย...ลองคิดดูเอาเองว่าโลหะหนักที่เคลือบแผงโซลาร์ฯมันจะไปไหนถ้าไม่ปนเปื้อนลงดินและน้ำ...และตอนนี้มีกลุ่มทุนจากจีนแห่เข้ามาตั้งโรงงานแยกทำลายขยะอิเล็กทรอนิกส์ในไทย...ซึ่งล้วนแต่เป็นโรงงานที่ใช้เทคโนโลยีเก่า ซึ่งรัฐบาลจีนนั้นสั่งปิดไปเพราะว่าสร้างปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมสูงมาก... ซึ่งนี่จะเป็นอีกหนึ่ง “ระเบิดเวลา” ที่รอวันสร้างอันตรายให้กับคนไทย....
ถ้ากระทรวงอุตสาหกรรมไม่รีบดำเนินการเรื่อง...กิจการกำจัดขยะอุตสาหกรรม ขยะอิเล็กทรอนิกส์...ให้ได้มาตรฐานเสียแต่ตอนนี้...จากนี้ไปปัญหามันจะใหญ่และลุกลาม..จนไม่สามารถรับมือได้อีกต่อไปแล้ว.....
พงษ์พันธุ์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี