nn ไม่ว่าจะรัฐบาลไหนๆ ที่ผ่านมาที่มีความคิดที่จะ..แปรรูปรัฐวิสาหกิจ...ก็มักจะถูกเล่นงานโดยภาคประชาสังคมอย่างหนักหน่วง...ด้วยข้อกล่าวหาที่คุ้นหูคือ...ผลาญสมบัติชาติ...และแม้แต่ในรัฐบาลยุคนี้ที่มีอำนาจเต็มที่...สังคมก็ยังไม่ไว้วางใจ...แม้จะบอกว่าไม่ใช่การแปรรูปแต่เป็นการปฏิรูป...และแม้ว่าจะเลือกบุคคลที่มีความน่าเชื่อถือมาทำงาน...สังคมก็ยังกลัวและมีคำถาม...
ถ้าเช่นนั้นลองมาติดตามกันอีกครั้งถึงข้อคิดเห็นในเรื่องนี้...ซึ่งนำเอามาจากเวทีเสวนาเรื่อง..การพัฒนา การกำกับดูแล และบริหารรัฐวิสาหกิจ คำตอบของการดูแลสมบัติชาติ…โดยนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการ คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ....ได้กล่าวว่า พระราชบัญญัติการพัฒนาการกำกับ ดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .. ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายเพื่อการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ....แต่จะช่วยให้รัฐวิสาหกิจทำงานได้คล่องตัวมากขึ้น โดยจะนำหลักบรรษัทภิบาลที่ดีตามมาตรฐานสากลมาปรับใช้กับรัฐวิสาหกิจทุกแห่ง ....และจัดตั้งบรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติขึ้นเพื่อทำหน้าที่องค์กรเจ้าของแทนประชาชน เพื่อเพิ่มมูลค่าและประสิทธิภาพสำหรับรัฐวิสาหกิจที่เป็นบริษัท ...และความพยายามในการปฏิรูปครั้งนี้ เพื่อให้การทำงานของรัฐวิสาหกิจทำงานได้อย่างปกติ...ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)....ซึ่งหากกฎหมายไม่ผ่าน จะทำให้ประเทศไทยเสียโอกาสพอสมควร เนื่องจากรัฐวิสาหกิจ มีขนาดใหญ่เกี่ยวข้องกับยุทธศาสตร์ของประเทศ ถ้ารัฐวิสาหกิจยังขาดทุน ก็จะกินงบประมาณของรัฐบาลต่อไป และรัฐวิสาหกิจหลายแห่งเป็นงานบริการเพื่อประชาชน หากทำโครงการเร็วขึ้น เช่น รถไฟรางคู่ รถไฟความเร็วสูง ก็จะช่วยให้การบริการของประชาชนดีขึ้น มีรายได้มากขึ้น มีส่วนในการพัฒนาประเทศให้ดีขึ้นด้วย....
ด้านนายบรรยง พงษ์พานิช อดีตกรรมการ คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ....กล่าวว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ เพราะ 12 ปีที่ผ่านมา ขนาดทรัพย์สินของรัฐวิสาหกิจขยายตัวสูงมาก จาก 4.7 ล้านล้านบาท เป็น15 ล้านล้านบาท ขนาดทรัพย์สินจาก 60% เป็น 110% ของจีดีพี ซึ่งรัฐวิสาหกิจมีรายได้ 4 ล้านล้านบาท ในปี 2559 ...แต่รัฐวิสาหกิจที่มีกำไรเป็นรัฐวิสาหกิจที่มีการผูกขาดทางธุรกิจ ขณะที่รัฐวิสาหกิจที่ต้องแข่งขันกลับมีปัญหาขาดทุน ดังนั้นการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจจึงจำเป็นเพื่อให้การใช้ทรัพย์สินของประเทศมีประสิทธิภาพ ให้สามารถแข่งขันได้ ไม่เช่นนั้นประเทศไทยจะเดินหน้าได้ลำบาก
นายบรรยง ยังได้ตอบคำถามข้อวิตกกังวลของสังคมเกี่ยวกับพระราชบัญญัติฯ ว่า การรวมศูนย์รัฐวิสาหกิจเป็นเรื่องที่จำเป็นไม่ใช่การกินรวบ ไม่ใช่การส่งเสริมการแปรรูป หรือลดสวัสดิการของประชาชน หรือเป็นการเปิดให้นักการเมืองเข้ามาแทรกแซง ...แต่เป็นการสร้างระบบการคานอำนาจมากขึ้น แก้ไขข้อบกพร่องของการแปรรูปในอดีต ถ้าในที่สุดมีการแปรรูปจะทำได้ดีขึ้น จะทำให้มีการแข่งขัน ไม่ให้มีการผูกขาด โดยมีคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจเป็นผู้ดูแล ทำให้การทำงานของรัฐวิสาหกิจทั้ง 56 แห่ง มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ด้านนายรพี สุจริตกุล กรรมการคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กล่าวว่า สภานิติบัญญัติแห่งชาติมีการตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาพิจารณารายละเอียดของกฎหมายแล้ว....ยืนยันว่าไม่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ...แต่กลับมีความเข้มงวดมากขึ้นในการแปรรูปรัฐวิสาหกิจจากกฎหมายเดิม และให้อำนาจคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(คนร.) ทำหน้าที่กำกับดูแลรัฐวิสาหกิจให้มีความชัดเจนมากขึ้น....และมีการเปิดเผยการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจให้มีมากขึ้นสามารถตรวจสอบได้ มีการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี เพื่อทำหน้าที่ขับเคลื่อนประเทศให้มีความชัดเจน นอกจากนี้ยังเปิดให้ประชาชน เข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบรัฐวิสาหกิจ หากพบทำผิดก็สามารถฟ้องร้องได้…
!!ถึงตรงนี้...ก็ต้องบอกตรงๆ ว่านี่เป็นความคิดความเห็นของคนที่เห็นด้วยกับเรื่องนี้...คราวหน้าเรามาฟังความเห็นแย้งของคนที่ไม่เห็นด้วยและคนที่มีข้อกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้....
พงษ์พันธุ์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี