nn ให้รู้สึกแปลกใจจริงกับ...นำเสนอข้อมูลของ ธนาคารโลก...ในกรณีความยากจนของประชาชนคนไทย...ซึ่งเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ที่ผ่านมา... นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารโลก เปิดเผยถึงรายงานแนวโน้มการเติบโตแบบมีส่วนร่วมของภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกในระยะยาว ชื่อ Riding the Wave : An East Asian Miracle for the 21st Century โดยในรายงานระบุว่า.... ประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกเป็นผู้นำที่แสดงวิธีให้เห็นว่าการเติบโตอย่างรวดเร็วและการมีส่วนร่วมในทางเศรษฐกิจจะช่วยลดความยากจนอย่างชัดเจนได้ ซึ่งช่วยให้คนเกือบล้านคนได้หลุดพ้นจากความยากจน พร้อมกล่าวถึงโมเดลใหม่ในการสร้างการเจริญเติบโตในภูมิภาคอย่างยั่งยืน พร้อมกับลดปัญหาความยากจน ความเหลื่อมล้ำ ให้มีความเสมอภาคมากขึ้น...และในรายงานงานฉบับนี้...ประเทศไทยซึ่งอยู่กลุ่มเดียวกับมาเลเซีย ได้เริ่มหลุดพ้นจากความยากจน และกำลังก้าวสู่ความมั่งคั่งแล้ว ...พร้อมเสนอ 3 แนวทางที่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำ คือ 1.ให้โอกาสด้านเศรษฐกิจกับผู้มีรายได้น้อย มีระบบการดูแลด้านสังคม สาธารณสุข ประกันสังคม 2.การส่งเสริมการออม 3.การใช้เครื่องมือ เช่นภาษี เครื่องมือทางการเงิน มาช่วยลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ…
ที่บอกว่ารู้สึกแปลกใจก็เพราะไม่นานมานี้เอง (13 มีนาคม 2560)...กลุ่มงานด้านการพัฒนามนุษย์และความยากจน ธนาคารโลก เปิดเผยรายงาน “กลับสู่เส้นทาง : ฟื้นฟูการเติบโตและประกันความมั่งคั่งสำหรับทุกคน” ซึ่งเสนอแนวทางการกำจัดความยากจนในประเทศไทย ว่า ประเทศไทยมีคนยากจนถึง 7.1 ล้านคน วัดจากรายได้ต่ำกว่า 6.2 เหรียญสหรัฐต่อคนต่อวัน หรือต่ำกว่าประมาณ 218 บาทต่อคนต่อวัน และมีประชากรอีก 7 ล้านคน ที่มีรายได้เหนือเส้นความยากจนเพียง 20% และมีความเสี่ยงต่อการกลับไปยากจนอีก ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นอกจากนี้ การที่เศรษฐกิจไทยเติบโตช้าลงจากเฉลี่ย 7.7% ก่อนปี 2540 เหลือเติบโต 4.2% ในช่วงปี 2543-2556 และ 3.2% ในปัจจุบัน ประกอบกับราคาสินค้าเกษตรลดลงถึง 13% ในช่วงปี 2556-2557 ทำให้ปัจจัยสนับสนุนการลดความยากจนหมดไป และคาดว่าต้องใช้เวลามากกว่า 6 ปี ประเทศไทยจึงจะจัดการปัญหาความยากจนหมดลงได้.....
ระยะเวลาแค่ 9 เดือน....เองตัวเลขความยากจนของไทยจะดีขึ้นได้ขนาดนั้นจริง??...เพราะดูจากข้อเท็จจริงตอนนี้...ก็เห็นๆว่าคนไทยส่วนใหญ่ยังไม่มีรายได้มากขึ้น...แม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจจะเติบโตได้ดีเกินคาดคือ ขึ้นมาแตะระดับ 3.7-4% (จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโต 3.2-3.5%)... สิ่งที่สะท้อนชัดเจนก็คือกำลังซื้อของภาคประชาชนและกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กและกลุ่มเกษตรกรยังคงซบเซา...สวนทางกับหนี้เสียของคนกลุ่มนี้ที่ยังสูงระดับเดิม...ซ้ำมีกลุ่มคนที่เป็นหนี้เสียรายใหม่เพิ่มขึ้นอีกด้วย....
นอกจากนี้แนวทางการขจัดความยากจน...ที่ธนาคารโลกเสนอไว้...เช่น.. 1.รัฐบาลต้องให้ความช่วยเหลือ อุดหนุนคนจนที่มีอยู่ประมาณ 40% ของประชากรทั้งหมด ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในภาคการเกษตร ดังนั้น ต้องเพิ่มประสิทธิภาพผลผลิตทางการเกษตร สร้างระบบการคุ้มครองทางสังคมที่เข้มแข็งกว่าเดิม 2.การสร้างงานที่ดีเพิ่มขึ้น โดยกระตุ้นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ลดระเบียบข้อบังคับ เพิ่มการแข่งขันผ่านการค้าเสรี เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันโดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม และ 3.การสร้างการเติบโตแบบเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จัดการทรัพยากรน้ำ ลดความเสี่ยงภัยจากภัยธรรมชาติ…!! ยังไม่เห็นมีโครงการอะไรที่ออกมาเป็นรูปธรรม....นอกจากแจกเงินและให้การช่วยเหลือผ่าน “บัตรคนจน”....ซึ่งก็แค่การแก้ปัญหาระยะสั้น ไม่ใช่แนวทางที่ยั่งยืน
เมื่อมาถึงตรงนี้...ก็จึงไม่มั่นใจเท่าใดนักที่ ธนาคารโลกบอกว่า...ไทยเริ่มหลุดพ้นความยากจน...
พงษ์พันธุ์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี