บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) วิเคราะห์หุ้น บมจ. ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น หรือ TICON โดย TICON ยังคงได้รับประโยชน์จากวัฏจักรการลงทุนรอบใหม่ เนื่องจากโรงงานและโกดังสินค้าของบริษัทให้บริการกับอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ ได้แก่ ยานยนต์ (37% ของโรงงานทั้งหมด) และ logistic (40% ของโกดังสินค้า) โดยในปัจจุบัน 65% ของโรงงานและโกดังสินค้าของบริษัทตั้งอยู่ในพื้นที่ EEC (Figure 5) ในขณะที่ TICON ยังมีพื้นที่เปล่าในมืออีกประมาณ 1,500 ไร่ ในพื้นที่ EEC ซึ่งพร้อมพัฒนาเพื่อตอบสนองต่ออุปสงค์ที่รออยู่ข้างหน้า (Figure 6) เราคาดการณ์พื้นที่ใหม่ของคลังสินค้าที่ 180,000 ตร.ม. และ 5,000 ตร.ม. สำหรับโรงงาน
มีโอกาสเติบโตสูงจากปัจจัยเฉพาะ : งบดุลที่แข็งแกร่งขึ้น และพันธมิตรที่มีชื่อเสียง
หนี้ที่มีภาระดอกเบี้ยของบริษัทลดลงอย่างต่อเนื่องจาก 2.22 หมื่นล้านบาทใน 4Q59 เหลือ 1.33 หมื่นล้านบาทใน 3Q60 และคาดว่าจะลดลงเหลือ 8.5 พันล้านบาท ในปี 2562 ซึ่งจะฉุดให้ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลงจาก ~ 800 ล้านบาท ในปี 2559 เหลือแค่ ~300 ล้านบาท ในปี 2562 เนื่องจากเราไม่คิดว่าจะมีการใช้เงินลงทุนก้อนใหญ่อย่างน้อยก็จนกว่าจะถึงปี 2562 จากที่ดินในมือ นอกจากนี้ พันธมิตรอย่าง Fraser น่าจะยังเปิดโอกาสการลงทุนให้กับบริษัท
ราคาหุ้นขยับช้ากว่าหุ้นอื่นในกลุ่ม เป็นโอกาสให้เข้าซื้อสะสม
SET Index วิ่งแรงมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2560 หลังจากที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จัดงาน Thailand Focus 2560 ซึ่งคิดเป็นอัตราผลตอบแทน 15.8% งาน Thailand Focus เป็น platform เฉพาะที่เปิดโอกาสให้รัฐบาลได้แสดงวิสัยทัศน์ พันธกิจ นโยบาย กลยุทธ์หลัก และอัพเดตข้อมูลเกี่ยวกับโครงการขนาดใหญ่ หุ้นของทั้ง AMATA, WHA, และ TICON ต่างก็ให้ผลตอบแทนดีกว่า SET index โดยอยู่ที่ 56.4%, 43.7% และ 22.9% ตามลำดับ (Figure 7) เรามองว่าราคาหุ้น TICON ที่ขยับเพิ่มขึ้นช้ากว่าหุ้นอื่นในกลุ่มเป็นโอกาสให้นักลงทุนเข้าซื้อสะสม
Downside ของราคาหุ้นไม่น่าหลุด15.90 บาท
เรามองว่า downside ของราคาหุ้นอยู่ที่ 15.90 บาท หลังจากที่เราทำการวิเคราะห์ sensitivity ระหว่างพื้นที่ใหม่สำหรับให้เช่าโรงงานและโกดังสินค้ากับราคาเป้าหมาย (Figure 9) ในขณะที่ตั้งแต่เราเริ่มดูแล TICON มาราคาหุ้นก็แกว่งตัวอยู่ในช่วง 16.10 และ 17.70 บาท ดังนั้น เราจึงเชื่อว่า downside ของราคาหุ้นไม่น่าจะหลุด 15.90 บาท ซึ่งจากราคาปิดล่าสุดที่ 17.10 บาท แปลว่ามี downside แค่ 7% แต่มี upside ถึง 13% ซึ่งเท่ากับหุ้น TICON มีสัดส่วน reward/risk ratio ที่น่าสนใจสมควรเข้าลงทุน
เรายังคงแนะนำให้ซื้อ โดยให้ราคาเป้าหมาย DCF ปี 2561 ที่ 19.30 บาท โดยใช้ WACC ที่ 7.9% เราใช้i) RFRที่ 3.7%ii) RPที่ 8.0%iii) beta ที่ 0.65x (เทียบกับหุ้นนิคมอุตสาหกรรมในโลก)และ iv) terminal growth ที่ 3.0%
ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์, เศรษฐกิจชะลอตัว, ภัยธรรมชาติ, การกระจุกตัวของกลุ่มอุตสาหกรรม, ความเพียงพอของเงินทุนและช่วงที่สัญญาเช่าระยะสั้นหมดอายุ
ที่มา : บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี