nn ปี 2561 คาดว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของโลกที่คำนวณตามหลักความเท่าเทียมกันของอำนาจซื้อ (Purchasing power parities หรือ PPPs) จะเติบโต 3.7% ใกล้เคียงกับการเติบโตของปี 2560 โดยมูลค่าผลผลิตโลกจะเพิ่มขึ้นอีก 5 ล้านล้านดอลลาร์จากมูลค่าปัจจุบันโดยแรงขับเคลื่อนหลักมาจากการปรับตัวดีขึ้นของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา ตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย และกลุ่มประเทศยูโรโซน ซึ่งว่าคาดจะมีสัดส่วนรวมกันสูงถึงเกือบ 70% ของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ เปรียบเทียบกับสัดส่วนเฉลี่ยที่ราว 60% ในช่วงหลังปี 2453
นอกจากนี้ ยังคาดการณ์ว่าในปี 2561 เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศยูโรโซนจะเติบโตมากกว่า 2% และคาดว่า เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศยูโรโซนรอบนอกจะเติบโตเร็วกว่าเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศยูโรโซนหลัก ต่อเนื่องกันเป็นปีที่ 5 (ที่ 2.5% และ 2% ตามลำดับ) เมื่อพิจารณากลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของยูโรโซนพบว่า เนเธอร์แลนด์จะเป็นผู้นำการเติบโตในปีนี้ซึ่งคาดว่า เศรษฐกิจจะเติบโตราว 2.5% ต่างจากเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรที่ยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนหลังจากแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป(Brexit) ทำให้คาดว่า ปีนี้เศรษฐกิจจะเติบโตได้เพียง 1.4%
ส่วนแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลกตามหลักพีพีพีโดยคาดจะเติบโตราว 6-7% ในปีนี้ ถือเป็นอัตราการเติบโตที่ช้าลงกว่าปีก่อน นอกจากนี้ ยังมี 17 ประเทศทั่วโลกที่คาดว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจจะสูงกว่าจีน เช่น อินเดีย กานา เอธิโอเปีย และ ฟิลิปปินส์ เป็นต้น สะท้อนให้เห็นถึงการปรับตัวทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นของทวีปแอฟริกาและเอเชีย และ 8 ใน 10 ของประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงที่สุดในปีนี้จะอยู่ในทวีปแอฟริกา
ขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปีนี้คาดว่า จะมีอัตราการเติบโตประมาณ 3.5-4% โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการส่งออกซึ่งขยายตัวตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศหลักเช่น สหรัฐฯ และการลงทุนภาครัฐที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการเร่งลงทุนก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของประเทศที่จะเห็นความคืบหน้าชัดเจนในปีนี้ และน่าจะช่วยกระตุ้นให้การลงทุนภาคเอกชนและการบริโภคภายในประเทศเริ่มกลับมาฟื้นตัวด้วยเช่นเดียวกัน
สำหรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในปี 2561 นั้น ผู้ประกอบการควรให้ความสนใจในการศึกษาและนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ มาประยุกต์ใช้ในการประกอบธุรกิจมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีอินเตอร์เนตของสรรพสิ่งหรือไอโอที ปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ เทคโนโลยีทางการเงิน หรือฟินเทค เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ ให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล เพราะต่อจากนี้เทคโนโลยีจะเปลี่ยนแปลงไปรวดเร็วมาก หากไม่เร่งศึกษาและปรับตัวอาจจะเสียเปรียบคู่แข่ง โดยในปีนี้เราจะเริ่มให้เทรนด์การนำโปรแกรมอัตโนมัติหรือบอท เทคโนโลยีบล็อกเชน เข้ามาใช้ในบ้านเราชัดเจนมากขึ้น
ที่มา : PwCประเทศไทย
พงษ์พันธุ์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี