ปัญหาของหอพัก อพาร์ทเม้นท์ และบ้านเช่าประการหนึ่งที่กระทบกระทั่งกันกับผู้เช่าเสมอ คือ การเรียกเก็บค่าน้ำค่าไฟที่แพงเกินจริงของเจ้าของหรือผู้ประกอบการ และสัญญาเช่าบางข้อที่เกี่ยวกับเงินประกันซึ่งไม่เป็นธรรมกับผู้เช่า แต่ผู้เช่าต้องจำใจเข้าทำสัญญาในลักษณะจำยอม
เร็วๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.)เตรียมออกประกาศควบคุมสัญญาการเช่าหอพัก อพาร์ทเม้นท์และบ้านเช่าซึ่งควบคุมอัตราค่าน้ำค่าไฟ ให้เจ้าของหรือผู้ประกอบการมีสิทธิเรียกเก็บเพิ่มได้ไม่เกิน 20% จากอัตราที่การประปาฯและการไฟฟ้าฯเรียกเก็บ ห้ามเรียกเก็บเงินประกันความเสียหายเกิน 50% ของอัตราค่าเช่า และห้ามเรียกเก็บเงินค่าต่อสัญญาเช่าจากผู้เช่ารายเดิมด้วย หรือเก็บเงินประกันต้องไม่เกิน 1 เดือน ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับต่อหนึ่งสัญญา
สคบ.คาดจะออกประกาศดังกล่าวในเดือนกุมภาพันธ์นี้ให้มีผลบังคับใช้ภายใน 90 วัน ประมาณเดือนพฤษภาคมโดยเจ้าของหรือผู้ประกอบการต้องยกเลิกสัญญาฉบับเก่าที่ทำไว้ทั้งหมด และให้ผู้เช่าทำสัญญาใหม่ตามประกาศดังกล่าว เนื่องจากมีผู้ร้องเรียน สคบ.จำนวนมากเกี่ยวกับการเก็บค่าน้ำ ค่าไฟแพงเกินจริง สร้างความเดือนร้อนให้ผู้เช่าโดยเฉพาะนิสิตนักศึกษาที่ยังไม่มีรายได้ รวมถึงคนทำงานที่มีรายได้น้อย เพราะต้องเสียค่าน้ำค่าไฟเดือนละหลายพันบาท บางทีค่าน้ำค่าไฟเทียบเท่ากับค่าเช่าหอพัก
ปกติเจ้าของ-ผู้ประกอบการจะเก็บค่าไฟหน่วยละ 6-8 บาททั้งที่อัตราปกติหน่วยละ 3-4 บาท ส่วนค่าน้ำประปาจะเก็บหน่วยละ 17–20 บาทต่อลูกบาศก์เมตร จากปกติ 8–11 บาท ถือเป็นการเรียกเก็บเพิ่มเป็นเท่าตัวจากราคาปกติ หรือบางแห่งจะเหมาจ่ายค่าน้ำรายเดือนมีอัตราขั้นต่ำแม้ใช้ไม่ถึงก็ต้องจ่ายตามนั้น แต่ถ้าใช้เกินจะถูกเรียกเก็บตามหน่วยการใช้จริง หรือแม้กระทั่งการเรียกเก็บเงินประกันความเสียหาย จะมีการเก็บล่วงหน้าถึง 3 เดือน และในกรณีผู้เช่าเลิกสัญญา เจ้าของ-ผู้ประกอบการจะหักเป็นเงินประกันความเสียหายจากค่าอุปกรณ์ เฟอร์นิเจอร์หรือค่าอื่นๆไว้จำนวนหนึ่ง โดยผู้เช่าไม่มีสิทธิโต้แย้งเพราะผูกมัดด้วยข้อสัญญา และบางกรณีผู้เช่าต้องอยู่อาศัยอย่างน้อย 6 เดือน ถึงจะมีสิทธิได้รับเงินประกันคืน ทั้งที่บางทีผู้เช่าบางคนอาจมีความจำเป็นต้องออกก่อนครบสัญญา
ก่อนหน้านี้ได้มีพระราชบัญญัติ หอพัก พ.ศ.2558 กำหนดให้ผู้ประกอบการอาจเรียกเก็บเงินค่าเช่าล่วงหน้าได้ไม่เกินอัตราค่าเช่าสามเดือน โดยให้นำเงินค่าเช่าล่วงหน้าดังกล่าวชำระเป็นค่าเช่าสามเดือนสุดท้ายของสัญญาเช่าในกรณีที่ผู้พักขอเลิกสัญญาก่อนครบกำหนด ผู้พักจะขอเงินค่าเช่าล่วงหน้าคืนมิได้ ทำให้ผู้ประกอบการมีสิทธิเรียกเก็บได้โดยอาศัยบทบัญญัติดังกล่าว ซึ่งถือได้ว่าไม่เป็นธรรมกับผู้เช่า และเมื่อมีประกาศ สคบ.ออกมาในลักษณะให้เรียกเงินประกันได้ไม่เกิน 1 เดือน ประกาศดังกล่าวจะขัดแย้งกับ พ.ร.บ.หอพัก หรือไม่
นอกจากนี้ยังมีพ.ร.บ.ว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม พ.ศ.2540 วางหลักว่า ในการวินิจฉัยว่าข้อสัญญาจะมีผลบังคับได้เพียงใด ให้พิเคราะห์พฤติการณ์ทั้งปวง เช่น อำนาจต่อรอง ฐานะทางเศรษฐกิจ ทางเลือกอย่างอื่น และทางได้เสียทุกอย่างของคู่สัญญาตามสภาพที่เป็นจริง การรับภาระหนักของคู่สัญญาเมื่อเทียบกับคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งการที่ผู้เช่าทำสัญญาเช่า ย่อมไม่มีอำนาจต่อรองกับเจ้าของหรือผู้ประกอบการ และอาจต้องรับภาระเพิ่มขึ้นเมื่อถูกเรียกเก็บค่าน้ำ-ค่าไฟเพิ่มจากปกติ สัญญาระหว่างผู้เช่ากับเจ้าของหรือผู้ประกอบการ อาจเข้าลักษณะข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรมได้เช่นกัน
เหตุผลของเจ้าของ-ผู้ประกอบการส่วนใหญ่มักจะอ้างต้นทุนสูง ค่าใช้จ่ายสูง จำเป็นต้องเรียกเก็บค่าน้ำ ค่าไฟเพิ่มจากอัตราปกติ และบางครั้งผู้เช่าก่อความเสียหายกับสถานที่เช่า และแอบขนย้ายข้าวของออกโดยเจ้าของหรือผู้ประกอบการไม่ทราบ จึงต้องให้วางเงินประกันความเสียหายไว้จำนวนหนึ่ง แต่บางแห่งไม่ได้เอาเปรียบผู้เช่าแต่อย่างใด หากผู้เช่าออกก่อนกำหนด อาจจะคืนเงินประกันให้ครึ่งหนึ่ง ส่วนค่าน้ำ ค่าไฟ ผู้เช่าต้องไปจ่ายกับการประปาฯหรือการไฟฟ้าฯ เอาเอง
การประกอบกิจการสถานที่เช่าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนเหมือนไร้การควบคุมและจัดเป็นสิ่งจำเป็นลำดับต้นๆ ของปัจจัยสี่สำหรับนิสิตนักศึกษา คนทำงานในเมือง เห็นได้จากที่ไหนมีมหาวิทยาลัย สถานที่ราชการ โรงงาน นิคมอุตสาหกรรม ห้างฯ ฯลฯ บริเวณนั้นจะรายล้อมด้วยหอพักเพื่อให้ความสะดวกคนที่มาเรียนหรือทำงาน ยิ่งกิจการหอพักเกี่ยวข้องกับคนหมู่มาก หน่วยงานรัฐควรเข้ามาควบคุมดูแลแบบจริงจัง หรือมีมาตรการตรวจสอบเข้าถึงทุกหอ เพื่อคุ้มครองสิทธิผู้บริโภค
การที่ สคบ.เข้ามาควบคุมดูแลการเรียกเก็บค่าน้ำค่าไฟรายละเอียดสัญญาเช่าคราวนี้ จึงเป็นความหวังของผู้เช่าว่าจะไม่ถูกเอาเปรียบ สร้างความอุ่นใจให้ในระดับหนึ่ง ทำให้ผู้เช่ามีอำนาจต่อรองและอ้างประกาศ สคบ.ใช้ยันกับเจ้าของ-ผู้ประกอบการได้ นับเป็นประโยชน์กับผู้บริโภคเป็นอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตาม แม้ประกาศนี้เป็นประโยชน์ต่อผู้เช่า แต่จะส่งผลกระทบต่อกิจการสถานที่เช่าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้ย่อมมีรายได้ลดลง อาจเป็นไปได้ว่าในอนาคตเจ้าของหรือ
ผู้ประกอบการ อาจใช้วิธีปรับขึ้นค่าเช่าเพิ่มจากเดิมเพื่อทดแทนรายได้ค่าน้ำ ค่าไฟที่หายไป ซึ่งปัญหานี้ต้องเกิดขึ้นแน่นอน และไม่ต่างอะไรกับการที่รัฐบาลขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ แต่ไม่สามารถควบคุมราคาสินค้าได้
อนาคตจึงต้องติดตามต่อไปว่า เจ้าของหรือผู้ประกอบการจะปฏิบัติตามประกาศ สคบ.อย่างเคร่งครัดหรือไม่ หากไม่ปฏิบัติตาม สคบ.จะจัดการอย่างไร เพราะการฝ่าฝืน มีโทษจำคุกและโทษปรับค่อนข้างสูง แต่ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างผู้เช่ากับผู้ให้เช่า ให้สมประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี