บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เคจีไอ(ประเทศไทย)วิเคราะห์หุ้นบมจ.ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน หรือ ROBINS กำไรสุทธิของ ROBINS ใน 4Q60 อยู่ที่ 820 ล้านบาท (-18.8% YoY, +34.3% QoQ) ส่งผลให้กำไรสุทธิปี FY60 อยู่ที่ 2.7 พันล้านบาท (-2.6%) ซึ่งเป็นไปตามประมาณการของเรา และ Bloomberg consensus แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทรับรู้รายได้พิเศษซึ่งเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว (จากการกลับรายการสำรองหนี้เสีย) 25 ล้านบาท ลดลงจาก 316 ล้านบาท ใน 4Q59 (จากการกลับรายการสำรองหนี้เสีย และค่าเสียหายที่เกิดจากน้ำท่วมที่เรียกร้องได้ในส่วนของ Power buy) ดังนั้นกำไรจากธุรกิจหลักจึงอยู่ที่ 795 ล้านบาท (+14.6% YoY, +30.2% QoQ)
ถึงแม้จะมีการเปิดห้างใหม่สองแห่งในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา และ GPM ก็ขยับเพิ่มขึ้นเป็น 25.2% จาก 25.1% ใน 4Q59 แต่ผลประกอบการก็ยังถูกกดดันจาก SSSG ที่ติดลบอยู่ที่ -3.4% ทำให้ผลการดำเนินงานทรงตัว YoY การที่ SSSG ติดลบหนักใน 4Q60 เป็นเพราะฐานที่สูงใน 4Q59 ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้บริโภคแห่ซื้อเสื้อผ้าชุดดำในช่วงไว้ทุกข์ประเทศ ทั้งนี้สำหรับปี 2560 SSSG ติดลบอยู่ที่ -3.0% จาก +0.1% ในปี 2559 แต่อย่างไรก็ตาม ยอดขายที่เพิ่มขึ้นในช่วง high season และมาตรการช็อปช่วยชาติ บวกกับ GPM ที่ขยับสูงขึ้นก็หนุนให้กำไรเพิ่มขึ้น QoQ โดยยอดขายใน 4Q60 อยู่ที่ 7.3 พันล้านบาท ทรงตัว YoY แต่เพิ่มขึ้น 14.2% QoQGPM อยู่ที่ 25.2% เพิ่มขึ้นจาก 25.1% ใน 4Q59 และ 24.9% ใน 3Q60 ซึ่งเป็นผลมาจากการที่สัดส่วนสินค้า private brands เพิ่มขึ้น และผลกระทบจากช่วงของการเปลี่ยนผ่านสินค้าลดลงรายได้จากค่าเช่ายังคงแข็งแกร่งอยู่ที่ 883 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.3% YoY แต่ทรงตัว QoQ จาก occupancy rate สูงถึง 99%
ในปี 2561 เราคาดว่าการบริโภคที่แข็งแกร่ง การเปิดสาขาใหม่และการสิ้นสุดช่วงของการเปลี่ยนผ่านสินค้าจะทำให้กำไรโตได้ถึง 24% โดยเราใช้สมมุติฐานว่า SSSG จะพลิกมาเป็นบวกที่ +4.0%, มีการเปิดห้าง Robinson Lifestyle สองแห่ง GPM ขยับสูงขึ้นเป็น 25.0% และมีพื้นที่ปล่อยเช่าเพิ่มขึ้นเป็น 420Kตาม (+4%)และท้ายที่สุด บริษัทได้ประกาศจ่ายเงินปันผลงวดปี 2560 ที่ 1.25 บาทต่อหุ้น (ตามที่เราคาดไว้) คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 1.75% โดยกำหนดจะขึ้น XD ในวันที่ 5 มีนาคม 2561 และกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 11 พฤษภาคม 2561
เรายังคงแนะนำให้ซื้อ โดยให้ราคาเป้าหมาย DCFปี 2561 ที่ 85.00 บาท ซึ่งนอกจากจะยังมี upside อีกถึง 19% แล้ว ราคาหุ้นก็ยังซื้อขายอยู่ที่ PERปี 61 แค่ 23.3x ซึ่งยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 30.6x ในขณะที่ PEG อยู่ที่ 1.2x ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 2.0x
ความเสี่ยงจากกรณีที่เศรษฐกิจฟื้นตัวช้าเกินคาด
ที่มา : บล.เคจีไอ (ประเทศไทย)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี