พื้นที่ 3 ใน 4 ของโลก หรือประมาณร้อยละ 70 คือ ผืนน้ำทะเลขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อกัน มีความลึกเฉลี่ย 4 กิโลเมตร ภายใต้ท้องทะเลเต็มไปด้วยสิ่งชีวิตมากมายที่มีรูปลักษณ์แปลกๆ โลกใต้ทะเลจึงเป็นแหล่งรวมธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ และทรงคุณค่าที่สุดแห่งหนึ่งของมนุษยชาติ
เมื่อกล่าวถึงใต้ท้องทะเล คนจำนวนไม่น้อยจินตนาการถึงฝูงปลาแหวกว่ายปะการัง เพราะปะการังบางชนิดมีรูปลักษณ์และสีสันสวยงาม ภาพเหล่านี้สร้างความประทับใจให้ผู้ที่ชอบโลกใต้น้ำ
ปะการังเป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังในทะเล มีโครงสร้างภายนอกเป็นหินปูน ที่ตัวปะการังสามารถสร้างขึ้นได้เองโดยอาศัยแคลเซียมจากน้ำทะเล
ปะการังถือเป็นสิ่งที่มีคุณค่าและประโยชน์นานัปการ เพราะเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของพืชและสัตว์น้ำนานาชนิด ด้วยลักษณะที่มีซอกมีโพรงอยู่ทั่วๆ ไป ทำให้เหมาะต่อการหลบภัยของสัตว์น้ำ แนวปะการังตามชายฝั่งจะช่วยลดความรุนแรงของคลื่นที่กระทบชายฝั่ง เมื่อคลื่นปะทะปะการังที่ขอบแนวปะการัง คลื่นจะแตกตัวทำให้ความรุนแรงที่กระทบหาดทรายลดลง ปะการังยังทำให้เกิดทรายกับชายหาด เพราะการสึกกร่อนแตกย่อยของโครงสร้างหินปูน และการกัดกร่อนจากสัตว์ทะเลบางชนิด รวมถึงคลื่น แนวปะการังจัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวใต้ทะเลที่สวยงาม ทั้งเป็นแหล่งอาหารของมนุษย์เพราะมีสัตว์น้ำเศรษฐกิจหลายชนิดมาอาศัยและแพร่ขยายพันธุ์ หลายประเทศที่ติดทะเลจึงมีรายได้จากการประมง
เมื่อทะเลเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของมนุษย์ การไล่ล่าจึงเกิดขึ้นปลาใหญ่กินปลาเล็กถือว่า เป็นเรื่องธรรมชาติ มนุษย์ถือเป็นผู้ล่าตัวฉกาจ เพราะสามารถประดิษฐ์วัสดุ อุปกรณ์ต่างๆ ใช้ล่าสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเล ที่มีผลกระทบต่อระบบนิเวศใต้ท้องทะเล
ปะการังจำนวนมากถูกทำลายลง โดยเรืออวนรุน เรืออวนลาก การระเบิดปลา การใช้สารเคมีเบื่อปลา การที่นักท่องเที่ยวไปเดินหรือยืนบนปะการัง การทิ้งสมอเรือที่นำนักท่องเที่ยวเข้าไป รวมถึงการพัฒนาที่ดินบริเวณใกล้เคียงชายฝั่ง การก่อสร้างที่ยื่นล้ำลงไปในชายหาด ที่พัดทรายเคลื่อนที่ จนไปทับถมปะการัง คราบน้ำมัน และน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมที่ทำให้ปะการังหายใจไม่ได้ ทั้งการทำเหมืองแร่บริเวณใกล้เคียงแนวปะการัง เพราะมีตะกอนของน้ำแร่ทำให้ปะการังตาย
ระบบนิเวศปะการังถือเป็นระบบนิเวศที่มีลักษณะเฉพาะตัวและมีความสวยงาม ปะการังถือเป็นอาหารและที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเล หากส่วนประกอบของระบบนิเวศอย่างปะการังถูกนำออกไป ย่อมมีผลกระทบต่อระบบนิเวศ เช่น ปลาและสัตว์อื่นๆ จะไม่มีที่อาศัยไว้หลบภัยจากสัตว์ทะเลอื่นที่เป็นผู้ล่าและเมื่อแนวปะการังถูกทำลาย ปลาต่างๆ ไม่สามารถเพาะพันธุ์เจริญเติบโตขึ้นได้
เมื่อปะการังธรรมชาติถูกทำลายลงอย่างต่อเนื่อง ระบบนิเวศในท้องทะเลถูกทำลายลงตามลำดับ มนุษย์จึงต้องหาวิธีที่จะสร้างสิ่งทดแทน เพื่อคืนระบบนิเวศให้กับธรรมชาติ
นั่นคือ การสร้างปะการังเทียม(Artificial Reef) หรือแหล่งอาศัยของสัตว์ทะเล (Artificial Habitats) ย้อนไปเมื่อปีพ.ศ.2338 ชาวประมงญี่ปุ่นพบว่า บริเวณที่มีซากเรือ ซากต้นไม้ทับถม จะมีสัตว์น้ำอาศัยอยู่จำนวนมาก จึงเริ่มมีการทำปะการังเทียมนับแต่นั้นมา โดยการสร้างโครงไม้ขนาดใหญ่และนำกิ่งไม้เล็กๆ มาผูกไว้ด้วยกัน ถ่วงน้ำหนักด้วยถุงทราย นำไปทิ้งในทะเลที่ระดับความลึกประมาณ 38 เมตร และพบว่า ปริมาณสัตว์น้ำที่จับได้จากรอบๆ โครงไม้มีปริมาณมากกว่าบริเวณที่มีเรืออับปาง จึงทำให้มีการนำเอาโครงสร้างเหล่านี้ไปทิ้งในทะเลมากขึ้น
การจัดสร้างแนวปะการังเทียมเพื่อเป็นแหล่งอาศัยสัตว์น้ำในสหรัฐอเมริกานั้น มีมามากกว่า 100 ปี โดยในปีพ.ศ.2343 สหรัฐอเมริกาเริ่มสร้างแนวปะการังเทียมจากการใช้ถังไม้ที่บรรจุด้วยคอนกรีตและนำวัสดุต่างๆ มาประกอบเป็นปะการังเทียม เช่น ใช้ซากเรือหรือรถยนต์เก่า ที่นำเครื่องยนต์ออกแล้วเทปูนลงไป จากนั้นนำไปวางไว้ที่บริเวณชายฝั่ง และพบว่า ปะการังเทียมสามารถเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำให้แก่ชาวประมงได้มากขึ้น ทำให้มีการสร้างปะการังเทียมอย่างต่อเนื่อง
แนวคิดดังกล่าว ทำให้ไทยมีการสร้างปะการังเทียมเช่นกัน เมื่อปีพ.ศ.2521 กรมประมงได้ให้ความสำคัญต่อระบบนิเวศในท้องทะเล สถานีประมงจังหวัดระยองได้สร้างแนวปะการังชื่อ “มีนนิเวศ” (มีน หมายถึง ปลา, นิเวศ หมายถึง ที่อยู่) โดยใช้วัสดุแตกต่างกันหลายชนิด เช่น ยางรถยนต์เก่า ท่อคอนกรีต ผูกมัดให้รูปทรงที่แตกต่าง และในปีพ.ศ. 2526 สถาบันเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งจังหวัดสงขลาได้ทดลองใช้วัสดุคอนกรีตเสริมเหล็กรูปสามเหลี่ยมพีระมิด ยาวด้านละ 80 เซนติเมตร วางไว้ที่บริเวณชายฝั่งด้านหน้าของสถาบันฯ ให้ชื่อว่า “แหล่งอาศัยสัตว์ทะเล” มีการศึกษาข้อดีและข้อเสียของการใช้วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และออกแบบเป็นแท่งคอนกรีตสี่เหลี่ยมจัตุรัสแบบโปร่ง (Dice Block) ขนาด1.5x1.5x1.5 เมตร ซึ่งถือว่าเป็นขนาดที่เหมาะสมที่สุด
นับจากปี พ.ศ. 2531 จนถึงปัจจุบัน ปะการังเทียมทำจากคอนกรีต ที่เรียกว่า “มาลีนไทด์” มาลีนไทด์เป็นคอนกรีตที่ไม่ถูกกัดเซาะจากน้ำเค็ม
ผลจากการวางปะการังเทียมพบว่า โดยภาพรวมสัตว์น้ำเศรษฐกิจหลายชนิดเพิ่มจํานวนขึ้น จึงมีการจัดสร้างปะการังเทียมเพิ่มขึ้นหลายพื้นที่ เพื่อให้เป็นแหล่งทำการประมงสำหรับชาวประมงขนาดเล็ก ช่วยลดต้นทุนในการออกไปทำการประมง สร้างความมั่นคงในการประกอบอาชีพประมง
ปะการังเทียม ถือเป็นการอนุรักษ์ฟื้นฟูธรรมชาติ เพื่อให้เป็นที่อยู่อาศัย ที่ป้องกันภัย เป็นแหล่งอาหาร และแพร่พันธุ์สัตว์น้ำได้ไม่แพ้ปะการังธรรมชาติ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี