บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เคจีไอ(ประเทศไทย)วิเคราะห์หุ้นบมจ. บี.กริม เพาเวอร์ หรือ BGRIM อานิสงส์จากโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต และการทำ refinance อาจจะช่วยเปิด upside ให้กับประมาณการของเรา โดยบริษัทมีแผนจะปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตด้วยการใช้เทคโนโลยีที่ดีขึ้น เพื่อเพิ่ม heat rate และนำหลักการ internet of things มาใช้ประโยชน์จาก operation network ทั้งนี้ คาดว่าเทคโนโลยีใหม่จะช่วยให้บริษัทประหยัดต้นทุนเชื้อเพลิงได้ประมาณ 2-3% และจะนำมาปรับใช้กับโครงการ ABP3 ใน 4Q61 ตามมาด้วย ABPR1-2 ในปี 2562 และ ABP4-5 ในปี 2564 ตามกำหนด overhaul ครั้งใหญ่ของแต่ละโครงการ ซึ่งเราคาดว่าหลังจากโรงงานต่างๆ ปรับเทคโนโลยีเสร็จตามแผนแล้วจะทำให้ประสิทธิภาพในการผลิตดีขึ้นโดยลำดับในอีก 2-3 ปีข้างหน้า
ขณะเดียวกัน โครงการพลังงานความร้อนร่วมที่ใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิงในอนาคตก็น่าจะมีประสิทธิภาพดีกว่าที่เราคาดไว้เดิม เนื่องจากมีการใช้เทคโนโลยีที่ดีขึ้นส่วนการนำแนวคิด internet of things มาใช้ก็จะทำให้ระบบงานมีความเสถียรมากขึ้น ลดความสูญเสียในการขนถ่ายและช่วยสร้างสมดุลในการใช้ไฟฟ้า นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนจะออกหุ้นกู้เพื่อ refinance สินเชื่อโครงการของโครงการ BIP1-2 ภายในปีนี้ และการทำ refinance ส่วนอื่นเพิ่มก็จะทำให้มี upside จากประมาณการของเราเพิ่มขึ้นอีก
สองโครงการใหม่จะช่วยเพิ่มมูลค่า
เราได้นำ 2 โครงการใหม่ เข้ามารวมในประมาณการของเรา ได้แก่ โครงการ solar กองทัพ 24MW (ถือหุ้น 100%) และโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม 4MW (ถือหุ้น 48%) ซึ่งโครงการ soloar กองทัพจะคิดค่าไฟตามระบบ FiT ที่ 4.12 บาท/kWh ภายใต้สัญญาอายุ 25 ปี และคาดว่าจะเริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในเดือนธันวาคม 2561 ในขณะเดียวกัน โครงการโรงไฟฟ้าขยะก็จะคิดค่าไฟ้ตามระบบ FiTที่ 6.08 บาท/kWh ภายใต้สัญญา 20 ปี บวกกับ incentive อีก 0.70 บาท/kWh ในช่วงแปดปีแรก และคาดว่าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ใน 4Q62
ปรับลดประมาณการกำไรปี 2561-62
เราปรับลดประมาณการกำไรจากธุรกิจหลักในปี 2561-62 ลง 16.0% และ 11.7% เหลือ 2.0 พันล้านบาท และ 2.5 พันล้านบาท ตามลำดับ เนื่องจากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น และส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยเพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม เราคาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักของ BGRIM ในปีนี้จะโตอย่างน่าประทับใจถึง 85.7% (สูงเป็นอันดับที่สองในกลุ่มโรงไฟฟ้าแบบ conventional) เนื่องจากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้าถึง 5 โคงรการ ในปีนี้ และเนื่องจากบริษัทจะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึงปี 2565 เราจึงเชื่อว่ากำไรของบริษัทในอีกห้าปีข้างหน้า น่าจะโตได้ในระดับสองหลัก
เราประเมินราคาเป้าหมาย DCF ปี 2561 ไว้ที่ 29.00 บาท โดยรวมมูลค่าของโครงการใหม่ และการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตไว้แล้ว ราคาหุ้นยังมี upside อีก 14.9% และคิดเป็น PEG แค่ 0.6x ซึ่งอยู่ในช่วงต่ำของกลุ่มซึ่งอยู่ในช่วง 0.2-8.9x เรามองว่าเงินสดในมือก้อนใหญ่ และประสบการณ์ในธุรกิจไฟฟ้าจะช่วยหนุนให้ BGRIM สามารถหาโครงการใหม่ๆ เข้าลงทุนเพิ่มได้อีก
ปัจจัยเสี่ยงกรณีที่มีการปิดโรงไฟฟ้านอกแผน และเกิดความล่าช้าในงานก่อสร้างโครงการใหม่
ที่มา : บล.เคจีไอ (ประเทศไทย)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี