หลายครั้งที่ตอบคำถามคนเป็นหนี้แล้วให้รู้สึกหงุดหงิดหัวใจ เพราะมีจำนวนไม่น้อยที่ไม่คิดจะทำอะไรเลย แล้วก็หวังเอาว่า ผมจะช่วยแก้ปัญหาให้ได้ และช่วยทำให้หนี้ของพวกเขาหมดและจบลงในระยะเวลาอันสั้น
เรียกว่า อยากได้เทคนิค “ทำน้อยได้มาก” ในช่วงเวลาอันแสนวิกฤติ
คิดเอาง่ายๆว่า ถ้าคุณมีรายได้สัก 30,000 บาท แล้วพาชีวิตไปจนมุม โดยมีรายจ่ายจากหนี้ (เงินผ่อนต่างๆ รวมกัน) 25,000 บาท หักภาษี ประกันสังคม และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ แล้วเหลือ 3,000 บาทต่อเดือน และไม่พอกิน
อยู่เฉยๆ ใช้ชีวิตไปวันๆ ไม่คิดทำอะไรเพิ่มเติม แล้วหนี้จะหมด ชีวิตจะดีขึ้นได้อย่างไร
หลักคิดการแก้ไขหนี้พื้นฐานอย่าง “ลดรายจ่าย และเพิ่มรายได้” นั้น
เอาเข้าจริงต้องบอกว่า การลดรายจ่ายแทบจะไม่ช่วยอะไรเลย สำหรับคนที่มีหนี้ท่วมหัวท่วมตัว เพราะยังไม่ต้องลดรายจ่ายอะไร มันก็ไม่มีกินไปแล้ว
ดังนั้นการลดรายจ่ายที่ส่งผลกับหนี้และรายจ่ายจริงๆ หรือ การลดรายจ่ายกับหนี้รายการใหญ่อย่าง บ้านและรถยนต์ โดยการขายมันออกไปเท่านั้น หรือรีไฟแนนซ์บ้านที่มีอยู่ เพื่อเอาเงินส่วนเกินไปปิดหนี้รายการอื่น ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ทำได้
แต่ถ้าเป็นวิธีการ หรือเทคนิคทางการเงินอื่นๆ บอกเลยว่า “หนี้ไม่ขยับ” ครับ
แล้วต้องทำไง? โค้ชคิดให้หน่อยสิ
เมื่อลดค่าใช้จ่ายไม่มีผลกับคนที่จะจมน้ำ ก็เหลืออีกทางนั่นคือ “หารายได้เพิ่ม” นะสิ
เวลาใครถามผมว่า เป็นหนี้เยอะ แก้ยังไงดี ผมมักจะตอบกวนๆ (แต่คิดอย่างที่พูด) ว่า “ก็หาเงินไปคืนเขาสิวะ”
คำตอบที่ได้กลับมาหลังแนะนำไป มักจะเป็นดังนี้
- ทำงาน 5 วัน (หรือ 6 วัน) ก็เหนื่อยจะแย่
- ไม่รู้จะทำอะไร คิดให้หน่อยครับโค้ช
- ไม่เก่งอะไรสักอย่าง จะทำอะไรได้ละคะหนู
ฯลฯ
ฟังคำตอบปุ๊บ เลยให้สงสัยว่า ตกลงมันเป็นปัญหาชีวิตเขาจริงหรือเปล่า? เพราะดูไม่พยายามอะไรเลย แม้แต่จะคิด แล้วก็หวังเอาว่าปลายสายปลายทางจะช่วยชีวิต
เขาได้
บางคนที่น่ารักก็มี คิดไม่ออก ก็พยายามถามผมว่า ดูยังไงว่าพอทำอาชีพอะไรได้บ้าง แล้วก็เอาไปคิดต่อ (โลกมีงานสุจริตที่คนส่วนใหญ่ไม่อยากทำ แต่ได้เงินงามอีกมากมาย ลองคิดให้ดี!)
แต่ส่วนใหญ่ (ขอใช้คำว่า “ส่วนใหญ่”) จบการสนทนากันแค่ตรงนั้น ไม่มีอะไรต่อ เพราะดูแล้วเหมือนผมไม่ช่วย บ้างด่าพ่อด่าแม่ผมหลังไมค์มาก็มี
ถ้าเป็นหนี้แล้วไม่สู้ เอาแต่นั่งรอคนมาช่วย ทนเจ็บทนจนกับปัญหาแต่ละวันได้ ก็แสดงว่ายังจนไม่พอ ยังไหว ยังจนต่อได้
ก็จงเล่นเกมแห่งการรอคอยต่อไป รอว่าวันหนึ่งชีวิตจะดีขึ้น รอว่าอัศวินจะมีจริง และอาจรอไปได้ถึงว่าวันหนึ่ง เงินจะหล่นลงมาเองจากฟ้า เพื่อให้เรานำไปปลดหนี้
คนเราถ้า “ความรับผิดชอบทางการเงิน” (Money Responsibility) ไม่มี ความพ้นทุกข์หรือความสำเร็จทางการเงิน ก็เป็นแค่ความฝันครับ
เริ่มง่ายๆ ด้วยการหยุดรอคอย เมื่อลดรายจ่ายไม่ได้ ก็ต้องหารายได้เพิ่ม ทำ ชน สู้ทุกทาง เพื่อให้ตัวเองและครอบครัวรอด
ก่อนจะอ้าปากตอบว่า “คิดไม่ออก” “ไม่รู้ทำอะไรดี” ลองสังเกตดูดีๆ ว่าตอบออกมาจาก “สมอง” ผ่านกระบวนการ “คิด” มาอย่างดี หรือตอบจาก “สันดาน” ขี้เกียจ งอมืองอเท้า อยากอยู่เฉยๆ แล้วปัญหาจะหายไปเอง
ถ้าวันนี้เก็บขยะขาย โกยขี้หมา ยังทำเงินได้ ทำไมเราจะคิดอาชีพไม่ออก
“ไม่มีใครทำให้จนได้หรอก ถ้าเราไม่ยอม” ... ถามตัวเอง เจ็บและจนมาพอหรือยัง?
ถ้าพอแล้ว! คิดและสู้ อย่ามัวแต่รออัศวินม้าขาวที่ไม่มีตัวตนครับ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี