nn ในช่วง 10 ปีก่อน...ใครที่ทำ “ธุรกิจสื่อ” ไม่ว่าจะ...ทีวี. วิทยุ หนังสือพิมพ์ แมกกาซีน...ถือว่าเป็นผู้ทรงอิทธิพลในสังคม...กลุ่มทุน...ที่พอมีเงินเหลือก็เข้ามาเป็น...เจ้าของสื่อ...ด้วยเหตุที่มีหลายปัจจัยที่ดูเย้ายวน...จึงเรียกได้ว่าธุรกิจสื่อยุคนั้นดูช่างหอมหวน...จนกระทั่งมาในช่วง 2-3 ปีมานี้ที่เทคโนโลยีของโลกเปลี่ยนไปอย่างก้าวกระโดด...สื่อหลัก...ทั้งหลายก็เลยเจอผลกระทบอย่างหนัก...
และนี่จึงเป็นโอกาสให้ “กลุ่มทุน” ที่มีเงินมีสภาพคล่องมากพอเข้ามาเทคโอเวอร์สื่อหลักไว้ในมือแบบครบวงจร...เพราะราคาถูกลงมากเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน...ตัวอย่างชัดเจนที่สุดก็กรณีของ “กลุ่มทุน” รายหนึ่งที่ร่ำรวยมาจาก ในตลาดหุ้น...ซึ่งใช้เงินหลายร้อยล้านบาทเข้าซื้อกิจการของสื่อมาไว้ในมือครบทุก “แพลตฟอร์ม” คือมีทั้ง...ทีวี...สื่อสิ่งพิมพ์...วิทยุ...
แต่ด้วยเหตุที่เมื่อ “นายทุน” เป็นเจ้าของกลุ่มสื่อ...หลายครั้งก็ถูกสังคมตั้งคำถามเหมือนกับการนำเสนอข่าวสารว่า...ทำเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของสังคม ประชาชน...หรือ เพื่ออะไรกันแน่...
อย่างเช่นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีการตั้งข้อสังเกต บทความในหนังสือฉบับหนึ่ง...ที่พุ่งเป้าโจมตีกลุ่มธุรกิจใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น เครือซีพี คิงเพาเวอร์ และกลุ่มเสี่ยเจริญ สิริวัฒนภักดี...โดยใช้ภาษาพาดหัวข่าวที่น่าตกใจและชวนให้ประชาชนประหวั่นพรั่นพรึง...ด้วยการพาดหัวข่าวที่น่าตกใจ...แต่ในเนื้อหากลับใช้...ข้อมูลที่เขาพูดว่า เขาบอกว่า...และก็เป็นการนำเสนอด้วยข้อมูลที่ไม่ครบ...ทั้งที่ควรจะนำเสนอข้อมูลรอบด้าน นำข้อเท็จจริงให้ประชาชนได้รับข่าวสารอย่างถูกต้อง…!! ตอนนี้สื่อเองก็เจอวิกฤติเรื่องการรับรู้การเข้าถึงอยู่แล้ว..ยิ่งมาเขียนข่าวแบบฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียด และนำไปตีแผ่ให้ประชาชนเกิดความเข้าใจแบบผิดๆ....ก็ยิ่งทำให้น่าห่วงขึ้นไปอีกกับอนาคตของสื่อ...
หน้าที่ของสื่อนั้นถือว่าเป็นเรื่องอันสมควรหากว่าจะตีแผ่ถึงพฤติกรรมของกลุ่มทุนใหญ่ที่จ้องจะเอาเปรียบสังคมเพียงอย่างเดียว...โดยไม่ได้แบ่งปันประโยชน์อันใดคืนให้กับสังคมบ้างเลย....ซึ่งหากพูดถึงกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ที่ถูกพุ่งเป้าโจมตี...เช่นกลุ่มคิงเพาเวอร์....งานช่วยเหลือสังคมมีบ้างไหม...ก็จะเห็นโครงการที่เขา เปิดพื้นที่ดิวตี้ฟรีทุกสาขา ให้ผู้ผลิตสินค้าโอท็อปที่กำลังขาดสายป่านขาดลมหายใจ ได้นำสินค้าเข้าไปจำหน่ายในดิวตี้ฟรี ทำให้ผู้ผลิตสินค้าโอท็อปไทยอยู่รอด และช่วยประชาสัมพันธ์สินค้าไทยในสายตานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ.....ส่วนกลุ่มซีพี ล่าสุด
ก็เห็นข่าวว่าให้การสนับสนุนและช่วยเหลือสร้างงาน สร้างอาชีพ ให้ผู้พิการสร้างพื้นที่ให้คนพิการมีที่ยืนในสังคมเทียบเท่าคนปกติทั่วไป พร้อมดูแลผู้สูงอายุให้เป็นผู้ที่มีคุณค่ามีความหมาย ทั้งสร้างงาน และสร้างอาชีพ....ส่วนกลุ่มเสี่ยเจริญ สิริวัฒนภักดี...ก็เพิ่งจะเห็นข่าวช่วยเหลือเด็กนักเรียนที่ด้อยโอกาสทางการศึกษาให้ได้รับความรู้อย่างเต็มที่....ยังมีอีกหลายโครงการที่กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่เข้ามาช่วยเหลือสังคม....แต่กลับถูกมองข้ามและก็ไม่เคยได้รับการพูดถึง....
มันเป็นเรื่องเข้าใจได้ว่าสื่อก็ไม่ใช่ว่าจะมานั่งป่าวประกาศว่ากลุ่มธุรกิจโน้นกลุ่มธุรกิจนี้...ทำโครงการ CSR อะไรบ้าง...อย่างเดียวโดยไม่นำเสนอข่าวอื่น....แต่ว่าการตีแผ่การนำเสนอข่าว
เรื่องของความไม่ถูกต้องชอบธรรมนั้น...ควรเสนอด้วยข้อมูลและหลักฐานที่ชัดเจน.... ไม่ใช่การนำเสนอข่าวแบบ....ตีเมืองขึ้น!!!
อย่างที่บอกไว้ข้างต้นว่าทุกวันนี้สื่อหลักเจอวิกฤติเรื่องของแพลตฟอร์มหนักหนาสาหัสอยู่แล้ว...หากยังมาทำลายตัวเองด้วย “เนื้อหา”....ก็เท่ากับว่าเพิ่มวิกฤติให้หนักหนาสาหัสขึ้นไปอีก...ลองนึกดูหากวันหนึ่งสังคมขาด “สื่อหลัก” ไป...สังคมก็จะเหลือแต่สื่อ “โซเชียล” ซึ่งก็รู้ๆ กันว่ามีจุดด้อยเรื่องความน่าเชื่อถือ...วันนั้นสังคมจะน่าเป็นห่วงขนาดไหน...ประชาชนคนไทยรุ่นหลังๆ จะเสพข่าว เสพเรื่องราวอะไรเข้าไปในสมอง...
พงษ์พันธุ์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี