เมื่อไม่นานมานี้โลกออนไลน์ได้แชร์ภาพจากกล้องวงจรปิด กรณีเด็กหนุ่มวัยรุ่นคนหนึ่งขับมอเตอร์ไซค์และเล่นโทรศัพท์ไปด้วยได้เฉี่ยวชนคุณตาถีบซาเล้ง จนมอเตอร์ไซค์เสียหลักหกล้ม แล้วลุกขึ้นมาเตะคุณตาจนต้องเข้าโรงพยาบาล และเสียชีวิตในเวลาต่อมาด้วยอาการปอดติดเชื้อ
การกระทำของเด็กหนุ่มวัยรุ่นคนดังกล่าวถูกกระแสสังคมโจมตีอย่างหนัก เพราะคุณตาอายุ 80 กว่าแล้ว การเตะแบบนั้นย่อมเล็งเห็นผลได้ว่า อาจทำให้ได้รับอันตรายหรือถึงขั้นเสียชีวิต และตัวเองเป็นฝ่ายผิดที่ประมาทขับมอเตอร์ไซค์เล่นโทรศัพท์ไปด้วย ซึ่งการเล่นโทรศัพท์ขณะขับรถไม่ว่าจะเป็นมอเตอร์ไซค์ หรือรถยนต์ย่อมสุ่มเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดอุบัติเหตุอย่างยิ่ง
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหากับเด็กหนุ่มวัยรุ่นฐานทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 290 แต่เด็กหนุ่มวัยรุ่นได้ให้การปฏิเสธโดยอ้างว่า ไม่ได้เจตนาทำให้คุณตาซาเล้งถึงแก่ความตาย ที่กระทำไปเพราะตัวเองโมโหที่มอเตอร์ไซค์ล้มแต่คุณตาไม่ได้สนใจหรือเข้ามาช่วยเหลือ
ในทางกฎหมายเด็กหนุ่มวัยรุ่นต้องรับผิดในความตายของคุณตาซาเล้ง ถึงแม้ว่าคุณตาซาเล้งจะเสียชีวิตด้วยภาวะแทรกซ้อน (โรคปอดติดเชื้อ) เพราะถ้าไม่มีการกระทำของเด็กหนุ่มวัยรุ่นคนนั้นคุณตาคงไม่เสียชีวิต ตัวอย่างที่ถือว่าผู้กระทำต้องรับผิดในผลบั้นปลายอันเกิดจากการกระทำของคน เช่น นายแดงใช้ปืนยิงนายดำโดยมีเจตนาฆ่า นายดำหลบทันกระสุนปืนถูกร่างกายมีบาดแผลเล็กน้อย นายดำรักษาบาดแผลไม่ดีแผลเน่าเป็นพิษ อีกสองเดือนต่อมานายดำถึงแก่ความตาย การที่นายดำรักษาบาดแผลไม่ดีเป็นเหตุแทรกแซงที่พึงคาดหมายได้ นายแดงจึงต้องรับผิดในความตายของนายดำ
แต่ถ้านายแดงต้องการฆ่านายดำโดยใช้ปืนยิง แต่กระสุนปืนไม่ถูกเพราะนายดำหลบทัน แล้วนายดำถูกฟ้าผ่าถึงแก่ความตาย กรณีนี้นายแดงไม่ต้องรับผิดในผลแห่งความตายของนายดำ เพราะไม่ได้เป็นผลโดยตรงจากการกระทำของนายแดง และไม่ใช่เหตุแทรกแซงที่พึงคาดหมายได้ แต่นายแดงต้องรับผิดเพียงการพยายามฆ่านายดำเท่านั้น
นอกจากนี้ เด็กหนุ่มวัยรุ่นผู้ก่อเหตุกระโดดเตะคุณตาซาเล้งไม่อาจอ้างได้ว่าตนกระทำไปด้วยความโมโห หรือโดยบันดาลโทสะได้เนื่องจากตัวเองเป็นผู้ก่อภัยทำให้เกิดการเฉี่ยวชนกัน และคุณตาซาเล้งก็ไม่ได้ข่มเหงจิตใจอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม ซึ่งการกระทำที่จะถือเป็นบันดาลโทสะ คือ ต้องถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม แล้วจึงกระทำต่อผู้ถูกข่มเหงในขณะนั้น เช่น นาย ก ด่าว่าบุพการีนาย ข ในทางเสียหาย ทำให้นาย ข โมโห จึงเตะนาย ก ไปหนึ่งครั้ง เช่นนี้นาย ข ย่อมอ้างบันดาลโทสะได้
อย่างไรก็ตาม การกระทำโดยบันดาลโทสะนั้น กฎหมายบัญญัติไว้เพื่อให้ศาลลงโทษผู้กระทำผิดน้อยกว่าโทษที่กฎหมายกำหนดไว้เพียงใดก็ได้ แต่ยังถือว่าการกระทำที่เกิดจากบันดาลโทสะนั้นยังเป็นความอยู่ ยิ่งยุคนี้สมัยนี้ด้วยภาวะเศรษฐกิจ การจราจรติดขัด ความเครียดจากการทำงาน ทำให้ผู้คนใจร้อนทำอะไรไม่ค่อยคิดไตร่ตรอง ไม่รู้จักการยับยั้ง ชั่งใจ สามารถก่อเหตุที่ไม่คาดคิดขึ้นได้ง่าย
เมื่อย้อนกลับมาพิจารณาถึงกรณีของคุณตาซาเล้งด้วยความใจร้อนของเด็กหนุ่มวัยรุ่น แบบไม่น่าให้อภัยเป็นอย่างยิ่ง ที่ทำให้คุณตาซาเล้งต้องเสียชีวิต ยิ่งในตอนแรกปฏิเสธด้วยว่าไม่ได้เล่นโทรศัพท์ ซึ่งถ้าไม่มีภาพจากกล้องวงจรปิดว่าเล่นโทรศัพท์ขณะขับมอเตอร์ไซค์ก็คงไม่ออกมายอมรับผิด และก่อนหน้านี้เมื่อปี พ.ศ. 2553 เด็กหนุ่มวัยรุ่นเคยก่อคดีทำร้ายร่างกายผู้อื่นมาจนถึงแก่ความตายมาแล้ว กระทั่งมาก่อเหตุซ้ำอีก ซึ่งในทางกฎหมายหากคดีเข้าสู่การพิจารณาคดีของศาลโจทก์มีสิทธิขอให้ศาลเพิ่มโทษฐานไม่เข็ดหลาบได้
การเล่นโทรศัพท์ขณะขับรถเป็นสาเหตุหลักๆ ของการเกิดอุบัติบนท้องถนน คนจำนวนหนึ่งชอบเล่นในขณะที่รถติดไฟแดง หรือเล่นไปขับรถไป หากพลาดพลั้งแค่เสี้ยววินาทีไม่สามารถบังคับทิศทางรถได้ ย่อมเกิดอันตรายกับตนเองและบุคคลอื่น
ปัจจุบันการใช้โทรศัพท์ในขณะขับรถเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติ จราจรทางบก ซึ่งได้ระบุว่า “ห้ามผู้ขับขี่ขับรถในขณะใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ เว้นแต่อุปกรณ์เสริมช่วยการสนทนา โดยผู้ขับขี่ต้องไม่ถือหรือจับโทรศัพท์ เคลื่อนที่นั้น” โดยบังคับใช้กับผู้ขับขี่ยานพาหนะทุกประเภทตามความหมายที่ระบุไว้ในพระราชบัญญัติจราจรทางบก ยกเว้นรถไฟและรถราง ผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษปรับตั้งแต่ 400-1,000 บาท
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีข้อห้ามตามกฎหมายออกมาบังคับใช้นานแล้ว แต่ในทางปฏิบัติยังมีคนฝ่าฝืนจำนวนมากและเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ดำเนินการเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้มากเท่าไหร่ อาจทำได้แค่ตักเตือนแล้วปล่อยตัวไป หรือหยวนๆ กันไปตามประสาคนไทย ประกอบกับพฤติกรรมสังคมก้มหน้าของผู้คนสมัยนี้ที่ไม่ได้สนใจคนรอบหน้า สนใจแต่โทรศัพท์ที่อยู่ตรงหน้า มีความสามารถในการคุยแชทได้ตลอดเวลา ไม่เว้นแม้ตอนขับรถ จึงกลายเป็นเรื่องปกติในสังคมกับการเล่นโทรศัพท์ในขณะขับรถ
อาจจะถึงเวลาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจควรบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงกับคนที่เล่นโทรศัพท์ในขณะขับรถ เพราะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งกรณีของคุณตาซาเล้งน่าจะเป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน เพราะถ้าเด็กหนุ่มวัยรุ่นขับมาปกติคงจะไม่เกิดการเฉี่ยวชน แต่ด้วยความประมาทแค่เสี้ยววินาทีทำให้เกิดอุบัติเหตุ นำมาซึ่งการทำร้ายร่างกายและผลแห่งความตายของคุณตาซาเล้งที่เด็กหนุ่มวัยรุ่นต้องรับผลนั้นไม่ว่าในทางกฎหมายหรือทางสังคม
ในทางสังคมเด็กหนุ่มวัยรุ่นได้ถูกพิพากษาไปแล้วด้วยภาพจากกล้องวงจรปิด แต่ในทางกฎหมายศาลยังไม่ได้พิพากษา คงต้องติดตามต่อไปว่าเด็กหนุ่มวัยรุ่นจะได้รับผลแห่งการกระทำนั้นเพียงใด หรือมีเหตุที่ศาลปรานีหรือบรรเทาโทษให้ได้หรือไม่
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี