เมื่อไม่นานมานี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกันจับกุมชายหนุ่มวัยรุ่นสองคน เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 4 ของมหาวิทยาลัยชื่อดัง และเป็นลูกชายเจ้าของธุรกิจรายใหญ่ซึ่งมีฐานะดีทางสังคม คิดรวยทางลัดด้วยการทำธุรกิจขายเค้กคุกกี้กัญชา ได้ของกลางเป็นเค้กคุกกี้บราวนี่รสช็อกโกแลตผสมกัญชาจำนวน 10 ชิ้น พร้อมกัญชาแห้งอัดแท่ง 1 ก้อน น้ำหนักรวม 400 กรัม และบ้องเสพ กัญชา 2 บ้อง รวมทั้งของกลางอื่นๆอีกจำนวนหนึ่ง
การเข้าจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากสืบสวนพบว่า นักศึกษาหนุ่มสองคนได้นำเค้กคุกกี้บราวนี่ผสมกัญชาไปโพสต์ขายในโซเชียลมีเดีย จนเป็นที่นิยมของนิสิตนักศึกษาและมียอดสั่งซื้อเป็นจำนวนมาก พร้อมกับสโลแกนโฆษณาว่า “หากกิน 1 ชิ้นจะยิ้มเยิ้มๆ กิน 2 ชิ้นจะมีความรู้สึกเคลิบเคลิ้มทะลุเพดานเหมือนตะลุยอวกาศ”
ปกติฤทธิ์ของกัญชาจะทำให้ผู้เสพอยู่ในอาการเคลิบเคลิ้ม ร่าเริง รู้สึกสนุก เพราะกัญชาเป็นพืชออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทแบบอ่อนๆ และกัญชาจะมีกลิ่นหอม ทำให้ผู้ค้าส่วนหนึ่งมักนำไปเป็นส่วนผสมของอาหารเพื่อให้มีรสชาติดี หรือใส่ในน้ำชาเพื่อให้ลูกค้าติดใจ ซึ่งลูกค้าอาจจะไม่รู้ว่าในน้ำชาหรืออาหารนั้นมีส่วนผสมของกัญชา
กัญชาจัดเป็นยาเสพติดประเภท 5 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 แต่เมื่อปลายปี พ.ศ. 2560 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข อนุญาตให้หน่วยงานของรัฐปลูกกัญชงซึ่งเป็นพืชตระกูลเดียวกับกัญชา ใน 6 จังหวัด 15 อำเภอของภาคเหนือและภาคกลางตอนบน เพื่อเป็นพืชเศรษฐกิจและใช้ในการวิจัยบำบัดรักษาโรค
สรรพคุณของกัญชง คือ ใบเป็นยาบำรุงโลหิต ช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลาย สดชื่น ช่วยให้นอนหลับสบาย ช่วยรักษาอาการวิงเวียนศีรษะ ปวดหัวไมเกรน ช่วยแก้กระหาย และรักษาโรคท้องร่วง โรคบิด เป็นต้น เช่นเดียวกับกัญชามีสรรพคุณในทางการแพทย์บรรเทาอาการไอ อ่อนล้า โรคข้อ อาการหอบหืด ปวดหัวไมเกรน ปวดประจำเดือน และยังช่วยให้เจริญอาหาร
ดังนั้น การจะแยกความแตกต่างระหว่างกัญชงกับกัญชาค่อนข้างทำได้ยาก เพราะมีลักษณะภายนอกคล้ายกันมากอาจต่างกันนิดหน่อย โดยใบของกัญชงอาจจะใหญ่กว่าใบกัญชา แต่ในทางปฏิบัติการจะแยกกัญชงกับกัญชาออกจากกันนั้น เป็นเรื่องของจุดประสงค์ในการใช้งานจากพืชมากกว่าลักษณะภายนอก เพราะถ้านำไปใช้ถูกวัตถุประสงค์จะมีสรรพคุณเป็นยารักษาโรค แต่ถ้าใช้ผิดวัตถุประสงค์จะกลายเป็นยาเสพติด
ในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกาออกกฎหมายให้สามารถนำกัญชามาใช้ในทางการแพทย์ได้ถึง 14 มลรัฐ ส่วนในประเทศเนเธอร์แลนด์ มีการอนุญาตให้มีการสูบกัญชาได้อย่างถูกกฎหมาย และยังมีร้านให้สูบ กัญชา อย่างเป็นสัดเป็นส่วน โดยสามารถหาซื้อได้ แต่ยังไม่มีการผลิตและอนุญาตให้ปลูก แต่ในประเทศไทยกัญชายังผิดกฎหมาย การที่นักศึกษาหนุ่มสองคนมีไว้ในครอบครองและนำไปเป็นส่วนผสมของคุกกี้ และขายแก่บุคคลทั่วไปจึงเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย
ถึงแม้ว่าในต่างประเทศจะอนุญาตให้ปลูกให้ขายได้ แต่ในประเทศไทยกฎหมายยังไม่ครอบคลุมไปถึงในส่วนของกัญชา มีเพียงแต่กัญชงเท่านั้นที่อนุญาตให้ปลูก แต่ก็ปลูกได้เฉพาะในบางพื้นที่ แต่ในอนาคตอาจมีความเป็นไปได้เช่นกันที่กัญชาจะถูกผลักดันออกจากพืชที่เป็นยาเสพติดเพื่อนำมาใช้ในทางการแพทย์หรือเป็นส่วนผสมของอาหาร รวมถึงกระท่อมที่เป็นข่าวมาก่อนหน้านี้ เพราะวิถีชาวบ้านส่วนหนึ่งเสพกระท่อมเพื่อช่วยในการทำงาน ไม่ได้เป็นพิษเป็นภัยต่อสังคม
การเอากัญชามาเป็นส่วนผสมของอาหารของนักศึกษาหนุ่มสองคนนั้น ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพียงแต่กัญชาในบ้านเรายังไม่ได้รับการยอมรับให้เป็นพืชสมุนไพร ซึ่งหากเมื่อไหร่ที่มีกฎหมายออกมารองรับ หรืออนุญาตให้นำไปเป็นส่วนผสมของอาหารได้ เชื่อว่าในตอนนั้นคงจะมีคนคิดสูตรอาหารต่างๆ ที่มีส่วนผสมของกัญชาออกมาวางขายจำนวนมาก หรือหากภาครัฐอนุญาตให้ปลูกกันอย่างกว้างขวาง เชื่อว่าคงมีคนจำนวนมากแห่กันไปปลูกกัญชา ยิ่งปัจจุบันจะหาพืชเศรษฐกิจที่ราคาดีไม่ค่อยมี
แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับ คือ นักศึกษาหนุ่มสองคนมีความคิดที่จะประกอบธุรกิจส่วนตัวด้วยการขายเค้กคุกกี้บราวนี่ เพราะในปัจจุบันธุรกิจส่วนตัวกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากผู้คนหลากหลายอาชีพ เพราะไม่ต้องลงทุนมาก เลือกสิ่งที่ตัวเองถนัดได้ ไม่ต้องเป็นลูกจ้างใคร ไม่ต้องทำงานผ่านนายหน้า ไม่ต้องแบ่งค่าเปอร์เซ็นต์ ทำเอง ขายเอง ขาดทุนเอง แต่ทุกอย่างต้องเรียนรู้ด้วยตัวเองทั้งหมด เพียงแต่กรณีของนักศึกษาหนุ่มสองคนนั้นผิดกฎหมาย ซึ่งอาจกระทำไปด้วยความคึกคะนองก็เป็นไปได้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าพิจารณาประการต่อมากรณีของนักศึกษาหนุ่มสองคนนั้นเข้าไปเกี่ยวข้องกับกัญชาได้อย่างไร ทั้งที่ฐานะครอบครัวทางสังคมดีเป็นลูกชายของเจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่ เล่าเรียนในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงไม่น่าจะต้องเข้าไปพัวพันกับยาเสพติด เพราะนอกเหนือจากเค้กคุกกี้กัญชาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้แล้ว ยังมีกัญชาจำนวนหนึ่งพร้อมกับบ้องเสพกัญชา ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่ายาเสพติดไม่ได้อยู่ไกลจากเยาวชนไทยเลย ไม่ว่าจะเป็นลูกคนจนหรือลูกคนรวย
อุทาหรณ์จากกรณีนี้ แม้กัญชาอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ผิดกฎหมายในบางประเทศ แต่ประเทศไทยยังถือว่า กัญชาเป็นยาเสพติดที่ผิดกฎหมาย เมื่ออยู่ในประเทศไทยต้องปฏิบัติตามกฎหมายไทย มิฉะนั้นจะกลายเป็นผู้กระทำความผิดตามกฎหมาย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี