ต้องย้ำถึงความมุ่งมั่น และความตั้งใจของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช.ที่กล้าออกมาเสนอ คสช.ให้ออกมาตรา 44 เพื่อเร่งหาแนวทางช่วยเหลือต่อลมหายใจ ช่วยเหลือผู้ประกอบการโทรคมนาคมสองราย ทั้งเอไอเอส และทรู ให้ภาคธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้โดยปราศจากสิ่งใดแอบแฝง
ประเด็นที่ทุกฝ่ายต้องทำความเข้าใจอย่างถูกต้อง และช่วยกันสะท้อนข้อเท็จจริงไปถึง คสช. กรณีหากรัฐบาลยื่นมือมาช่วยเหลือผู้ประกอบการนั้น รัฐไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้ใครทั้งสิ้น แต่ช่วยเหลือให้ธุรกิจโทรคมนาคม และทีวีดิจิทัลเดินหน้าต่อไปได้ และรัฐไม่ได้โง่อย่างที่ผู้มีอคติในใจออกมาคัดค้าน โดยผลประโยชน์จะตกอยู่กับประชาชน หากพิจารณาจากข้อเท็จจริง ผู้ประกอบการทั้ง 2 อุตสาหกรรมทั้งโทรคมนาคมและทีวีดิจิทัล เป็นผู้ที่ได้ใบอนุญาตจากการประมูลคลื่นความถี่จาก กสทช. ซึ่งเป็นคลื่นที่มีอยู่ตามธรรมชาติของประเทศ ควรได้รับการพิจารณาในหลักการเดียวกัน ไม่ควรเลือกปฏิบัติ ช่วยเหลือผู้ประกอบการเพียงอุตสาหกรรมเดียว ควรพิจารณาช่วยเหลือ ทั้งผู้ประกอบการโทรคมนาคม และผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล เพราะเป็นเรื่องการประมูลคลื่นเหมือนกัน และมีราคาสูงเหมือนกัน
ที่สำคัญ ผู้ประกอบการไม่ได้ขอลดจำนวนเงินค่าคลื่นความถี่ที่ต้องชำระให้แก่รัฐ แต่เพียงขอความช่วยเหลือขอความเห็นใจ เพื่อขยายจำนวนงวดชำระงวดสุดท้าย และพร้อมที่จะชำระดอกเบี้ยนโยบายที่รัฐกำหนด นอกจากนี้ การยื่นขอแบ่งชำระงวดสุดท้ายของผู้ประกอบการ ยืนยันว่า ไม่ได้ผิดนัดการชำระ ตามที่หลายฝ่ายเข้าใจ ทำให้ต้องคำนวณเป็นอัตราดอกเบี้ยค่าปรับ 15% แต่สิ่งที่ต้องการให้ภาครัฐยื่นมือช่วยเหลือคือ ขยายเวลา หรือยืดเวลาผ่อนชำระ ข้อเท็จจริงที่สังคมควรจะได้รับข้อมูลอย่างถูกต้องคือ การผิดนัดชำระจะเกิดขึ้นไม่ได้ เพราะตามกฎเกณฑ์ ของ กสทช. ผู้ประกอบทั้งสองรายที่ชนะการประมูลจะต้องได้รับการการันตีสถานะความมั่นคงทางการเงินจาก 5 สถาบันการเงิน... รัฐไม่ได้เสียค่าโง่ เพราะหากรัฐช่วยเหลือให้ผู้ประกอบการผ่อนชำระได้ และเอกชนสามารถทำธุรกิจต่อได้และมีกำไร รัฐจะได้ในส่วนภาษีนิติบุคคลจากเอกชนอีก 20%
ส่วนกรณีที่ TDRI ออกมาระบุว่า ผู้ประกอบการทั้งสองรายมีกำไร ไม่จำเป็นต้องช่วยเหลือนั้น เรื่องนี้ต้องมองด้วยใจเป็นกลาง ปราศจากอคติอย่างสิ้นเชิง การประมูลคลื่นความถี่ 900 มีราคาสูงเกือบที่สุดในโลก หากเทียบกับทั่วโลก การประมูลคลื่น 900 MHZ ของไทย ราคาสูงเป็นอันดับ 2 รองจากสหรัฐอเมริกา แม้ผู้ประกอบการโทรคมนาคมไทยจะมีความแข็งแกร่งมากพอ ที่จะเดินหน้าธุรกิจและชำระค่าประมูลงวดสุดท้ายได้ตามเวลาที่กำหนด แต่หากได้รับความช่วยเหลือในการขยายจำนวนงวดชำระสำหรับงวดสุดท้ายที่เป็นเงินก้อนใหญ่ พร้อมจ่ายดอกเบี้ยตามสภาวะต้นทุนการเงินในตลาดนั้น นอกจากจะมิได้เป็นการผิดนัดชำระจนต้องคำนวณเป็นอัตราดอกเบี้ยค่าปรับ ซึ่งไม่ทำให้ภาครัฐเสียประโยชน์ใดๆ แล้ว ยังทำให้ผู้ประกอบการโทรคมนาคมมีกระแสเงินสดที่ดีขึ้น สามารถนำเงินลงทุนเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศในอนาคต รวมทั้งจะเป็นปัจจัยหนึ่งในการพิจารณาเข้าร่วมประมูลในอนาคต...
ส่วนเรื่องมีกำไร หรือมีความสามารถจะชำระของทีวีดิจิทัล ที่ผู้ประกอบการหลายช่องมีความสามารถเหมือนกัน เพียงแค่ในหลักการในมุมของภาครัฐคงเลือกปฏิบัติไม่ได้ ....ข้อมูลข้อเท็จจริงรอบด้านที่นำเสนอ หวังต้องการสะท้อนให้ถึง คสช. เพื่อให้เร่งประกาศแนวทางการช่วยเหลืออุตสาหกรรมทั้งโทรคมนาคม และทีวีดิจิทัล โดยเร็ว ให้ผู้ประกอบการที่ถือเป็นฟันเฟืองหลักช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เดินหน้าต่อไปได้...ส่วนผู้ที่ออกมาคัดค้าน ควรปล่อยวาง และลดอคติในใจ และควรปรับทัศนคติโดยคำนึงถึงส่วนรวมเป็นสำคัญเพราะยามนี้ประเทศชาติต้องการพลังและความสามัคคีของทุกฝ่ายเพื่อช่วยให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไป...
ทีมข่าวเศรษฐกิจ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี