ปรบมือดังๆ ให้กับ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ตัดสินใจ ออกมาตรา 44 ช่วยเหลือผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลให้เดินหน้าต่อไปได้... ทำให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสาร สาระที่เป็นประโยชน์ส่งเสริมคุณค่าสังคม ซึ่งผลประโยชน์ตกอยู่ที่ประชาชนเป็นสำคัญ... และเมื่อ คสช.ช่วยภาคอุตสาหกรรมทีวีดิจิทัลแล้ว คสช.ก็ควรออกมาตรการช่วยภาคอุตสาหกรรมโทรคมนาคม เพราะภาคอุตสาหกรรมโทรคมนาคมถือเป็นฟันเฟืองหลักที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยให้เดินหน้าต่อไปได้ด้วยเช่นกัน...เพราะปัญหาของคลื่น 900 MHz ไม่แตกต่างจากธุรกิจทีวีดิจิทัล....
ประเด็นที่ทุกฝ่ายต้องคำนึงถึงการยืดชำระค่างวดใบอนุญาตให้ผู้ประกอบการโทรคมนาคม คลื่น 900 MHz ให้ผู้ประกอบการ 2 ราย ทั้ง บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค หรือ AWN (Advance Wireless Network) และ บริษัท ทรูมูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด หรือ TUC (Truemove H Universal Communication) โดยขอผ่อนผันการชำระค่างวดเงินประมูลคลื่นความถี่จากเดิม ต้องจ่ายงวดที่ 4 เป็นงวดสุดท้ายในปี 2563 เป็นทยอยจ่ายออกไปอีก 5 งวด จนถึงปี 2567 นั้น หากรัฐบาลยื่นมือมาช่วยเหลือผู้ประกอบการทั้ง 2 ราย รัฐไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้ใครทั้งสิ้น แต่ช่วยเหลือให้ธุรกิจโทรคมนาคมเดินหน้าต่อไปได้ และรัฐไม่ได้โง่อย่างที่ผู้มีอคติในใจออกมาคัดค้าน โดยผลประโยชน์จะตกอยู่กับประชาชน
หากพิจารณาจากข้อเท็จจริง การประมูลคลื่น 900 MHz เมื่อช่วงปลายปี 2558 พบว่า ราคาการประมูลคลื่น 900 MHz ของไทย สูงเกินความเป็นจริง แพงที่สุดในกลุ่มประเทศเอเชีย และหากเทียบกับทั่วโลก แพงที่สุดจัดอยู่ในอันดับสอง รองจากประเทศสหรัฐอเมริกา ราคาที่บริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์ เสนอประมูลนั้น 75,654 ล้านบาท ถือเป็นราคาเทียมที่สูงกว่าราคาตั้งต้นกว่า 6 เท่า เป็นราคาประมูลที่สูงเกินความเป็นจริงและเป็นสถิติโลก แต่ในที่สุดกลุ่มแจสก็ไม่สามารถชำระค่าคลื่นให้ กสทช. .... แต่ถูกปรับเพียงแค่ 600 ล้านบาทเท่านั้น และเอกชนทั้ง 2 ราย ต้องมารับกรรม แทนที่ กสทช.จะสั่งล้มประมูลแล้วให้ประมูลใหม่ แต่ไม่ทำ อาจมองได้ว่าการประมูลคลื่น 900 MHz ที่ผ่านมาเป็นการจัดฉากของ..กสทช.หรือไม่ น่าสงสัยจริง?....
การยื่นขอแบ่งชำระงวดสุดท้ายของผู้ประกอบการ ไม่ได้ผิดนัดการชำระ ตามที่หลายฝ่ายเข้าใจ ทำให้ต้องคำนวณเป็นอัตราดอกเบี้ยค่าปรับ 15% แต่สิ่งที่ภาครัฐควรยื่นมือช่วยเหลือคือ ขยายเวลา หรือ ยืดเวลาผ่อนชำระ ข้อเท็จจริงที่สังคมควรจะได้รับข้อมูลอย่างถูกต้องคือ การผิดนัดชำระจะเกิดขึ้นไม่ได้ เพราะตามกฎเกณฑ์ของ กสทช. ผู้ประกอบทั้งสองรายที่ชนะการประมูลจะต้องได้รับการการันตีสถานะความมั่นคงทางการเงินจาก 5 สถาบันการเงิน...ย้ำอีกทีว่า...รัฐไม่ได้เสียค่าโง่ เพราะหากรัฐช่วยเหลือให้ผู้ประกอบการผ่อนชำระได้ และเอกชนสามารถทำธุรกิจต่อได้และมีกำไร รัฐจะได้ในส่วนภาษีนิติบุคคลจากเอกชนอีก 20%
แม้ผู้ประกอบการโทรคมนาคมไทยจะมีความแข็งแกร่งมากพอ ที่จะเดินหน้าธุรกิจและชำระค่าประมูลงวดสุดท้ายได้ตามเวลาที่กำหนด แต่หากได้รับความช่วยเหลือขยายจำนวนงวดชำระสำหรับงวดสุดท้ายที่เป็นเงินก้อนใหญ่ ผู้ประกอบการโทรคมนาคมมีกระแสเงินสดที่ดีขึ้น นำเงินมาลงทุน เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศ รวมทั้ง จะเป็นปัจจัยหนึ่งในการพิจารณาเข้าร่วมประมูลในอนาคต…เชื่อว่า หากเศรษฐกิจของประเทศดี เทคโนโลยีของโลกไม่ได้พัฒนารวดเร็ว เราก็ยังใช้เทคโนโลยีเก่าไปได้... แต่เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว 2G เป็น 3G ปี 2556 และเปลี่ยนมาเป็น 3G-4G ปี 2559 ถึงปัจจุบัน และภายในปี 2563 กสทช.ประกาศว่าประเทศไทยจะเข้าสู่ 5G กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และรัฐบาลประกาศให้ประเทศไทยเข้าสู่ Thailand 4.0!!!! ผู้ประกอบการจะนำเงินลงทุนมาจากไหน????
ตอนนี้ได้แต่หวังให้ คสช.เร่งออกมาตรการช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมโทรคมนาคมโดยเร็ว เพื่อให้ผู้ประกอบการภาคเอกชน ที่ถือเป็นฟันเฟืองหลัก ได้มีพลังช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เดินหน้าอย่างแข็งแกร่ง เสริมสร้างศักยภาพให้ทัดเทียมนานาประเทศ...นี่คือสิ่งที่ทุกฝ่ายต้องร่วมกันสนับสนุนและช่วยเหลือ... แต่กลับกันนักวิชาการบางกลุ่มกลับมาต่อต้านและโจมตีรัฐบาลว่า หากให้การสนับสนุนจะเป็นการอุ้มชูเอกชน เมื่อจิตคิดติดลบแบบนี้ ประเทศชาติจะเดินหน้าได้อย่างไร คิดแล้วหดหู่ใจเหลือเกิน!!!!!
พงษ์พันธุ์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี