สองวันก่อนมีคนหลังไมค์มาปรึกษาปัญหาหนี้ ทุกครั้งที่คุยให้คำปรึกษาเรื่องนี้ ผมมักจะเริ่มต้นด้วยการให้ทำงบรายรับรายจ่าย และรายการหนี้ทั้งหมดมาให้ดู
จากนั้นก็จะพูดคุยที่มาที่ไป ว่าไปทำอะไรมา ทำไมถึงเป็นหนี้หนักขนาดนี้ ซึ่งก็มีหลายครั้งเหมือนกันที่พอถามถึงเหตุผลไปแล้ว ผู้ขอคำปรึกษาเลือกที่จะไม่ตอบ และหายไป (555)
บางคนบอกผมว่า ชีวิตมันผิดพลาดไปแล้ว มองไปข้างหน้าดีกว่ามั้ยคะ/ครับ แต่ผมเห็นต่างนะ เพราะการที่ผมให้เล่าเรื่องราวความเป็นมา ก็เพื่อให้เจ้าของปัญหาได้ทบทวนสิ่งที่ตัวเองพลาดไปและลงลึกไปถึงรากของปัญหาที่แท้จริงได้ตระหนัก เรียนรู้ และจะได้ไม่พลาดอีก
เพราะแท้ที่จริงแล้ว “หนี้” ไม่ใช่ปัญหา คนเราเป็นหนี้กันได้ ไม่มีเงินก้อนซื้อบ้าน เราก็กู้เงินธนาคารซื้อบ้านได้ถ้าผ่อนไหว ก็ไม่ใช่ปัญหา และถ้าคุณผ่อนไม่ไหว หนี้ก็ยังไม่ใช่ปัญหาอีกนั่นแหละ เพราะรากเหง้าจริงๆ มันเริ่มจากการไม่รู้จักประมาณตน ตรงนี้ต่างหากที่เราจะได้จากการคุยทบทวนกัน และยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง
ผู้มาขอคำปรึกษาท่านนี้ ก็เช่นกัน เขาเขียนอี-เมล์ตอบกลับมาหาผมประมาณว่า “จะรู้ไปทำไม? โค้ชแค่แก้ปัญหาหนี้ให้ผมก็พอ” ว่าแล้วก็สาธยายว่าเป็นหนี้อยู่ 5 แสนจากการลงทุน
ฟังดูก็สั้นๆ ง่ายๆ ใช่มั้ยครับ “ฉันเป็นหนี้ 5 แสน แก้หนี้ยังไงบอกมา”
เมื่อโค้ชยืนกรานที่จะไม่ตอบคำถาม หากไม่ทราบที่มาที่ไปของปัญหา ฝ่ายผู้ขอคำปรึกษาจึงยอมเล่าเรื่องว่าหนี้ 5 แสนมีความเป็นมาอย่างไร และได้ความว่า เขาเอาเงินไปฝากคนคนหนึ่ง(ย้ำ! คนคนหนึ่ง) โดยเขียนสัญญากันไว้เป็นลายลักษณ์อักษรว่า จะให้คนคนนี้ ช่วยเทรดค่าเงินต่างประเทศให้ หากได้กำไรจะแบ่งผลประโยชน์เป็นเปอร์เซ็นต์จากกำไร แต่ถ้าหากขาดทุนทางโน้นจะไม่รับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น (ไม่ต่างอะไรกับการให้เขาใช้เงินเราฟรีๆ)
ผ่านไปปีเศษ ทางโน้นอ้างว่าขาดทุน และไม่ติดใจอะไรกัน ทุกอย่างจบลงตามสัญญา เพราะเขาเทรดขาดทุนก็จบ (จริงหรือเปล่าไม่รู้) ปัญหาคือ เงิน 5 แสน นี่สิ! มันไม่ใช่เงินเก็บ หรือเงินเย็น แต่มันเป็นเงินที่กู้เขามา
ฟังเรื่องมาถึงตรงนี้ ... คำถามแรกที่ผุดขึ้นมาคือ“ไปเชื่อเขาได้ยังไง?” และ “ทำไมถึงกล้ายื่นเงินหลักแสนให้ใครก็ไม่รู้”
สืบสาวราวเรื่องต่อจึงได้รู้ว่า คนคนนี้ ติดต่อมาทางเฟซบุ๊ค ชวนลงทุนผ่านทาง Messenger เล่าโปรไฟล์ตัวเองสวยหรู ดูดีมีเงิน แล้วก็บอกเล่าว่าตัวเองเป็นนักลงทุนช่วยคนโน้นคนนี้มาเยอะ จนเกิดความสนใจอยากร่วมลงทุนกับเขา เงื่อนไขการลงทุนคือ ต้องลงเงินขั้นต่ำ 5 แสนบาท โดยฝ่ายโน้นอ้างว่า ต้องเงินจำนวนเท่านี้ การลงทุนถึงมีดอกผลที่เร็วและชัดเจน เปลี่ยนชีวิตได้ใน 1 ปี
แล้วก็ “เปลี่ยนชีวิต” จริงๆ … แค่เขาบอกว่า “ขาดทุน”ก็จบนะ
ในทางกฎหมายผมเองก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ จึงแนะนำให้ไปคุยกับนักกฎหมาย ในกรณีนี้อาจฟ้องร้องกันได้ แต่ผมคิดว่าเงินก็คงไม่น่าได้คืน ที่น่าปวดใจคือ มันเป็นเงินกู้ ที่ต้องใช้หนี้กันหนักและอีกนาน
สุดท้ายกรณีนี้ ผมแนะนำให้เขารีไฟแนนซ์บ้านที่มีอยู่เอาส่วนต่างผมเคลียร์หนี้ก้อนโตนี้ ที่มีทั้งหนี้บัตรเครดิตสินเชื่อบุคคล และกดเงินสด อีกทั้งยังมีเงินกู้ยืมคนรู้จักมาอีกส่วนหนึ่ง เพราะครั้นจะหาเงินก้อนมาแก้หนี้ เขาเองก็บอกว่าคิดไม่ออกว่าจะหาเงินก้อนปลอดภาระได้จากทางไหน แต่ถึงกระนั้นก็ยังย้ำกับเขาว่า ควรหารายได้เพิ่ม เพราะนั่นจะช่วยแก้ปัญหาได้จริง ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนเจ้าหนี้ลดภาระรายเดือน
หลังดำเนินการทุกอย่างเรียบร้อย ผมเตือนเจ้าของคำถามว่า “อย่าลืมทบทวนเรื่องทั้งหมดไว้เป็นบทเรียน” ไม่ต้องเล่าให้ผมฟัง ตกผลึกเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ตัวเองฟังก็พอ
ภายใต้ยอดภูเขาแห่งปัญหา “หนี้” เบื้องลึกเบื้องหลังของหนี้ของแต่ละคนนั้น มีเรื่องราวที่แตกต่างกันไป บางคนเป็นหนี้เพราะใช้จ่ายฟุ่มเฟือย บางคนเป็นหนี้เพราะช่วยเหลือที่บ้านเกินกำลัง บางคนเป็นหนี้เพราะไม่เตรียมตัว จังหวะโชคร้ายผ่านมาเยือน ก็กลายเป็นหนี้ หรืออย่างบางคนที่เป็นหนี้เพราะความโลภ ก็มีให้เห็นกันเยอะ
สุดท้ายกับทุกปัญหาที่ผ่านเข้ามาในชีวิต อย่าลืมลงลึกลงไปในรายละเอียดของมัน ยอมหัวเปียกน้ำสักนิด ก้มลงมองดูต้นเหตุทั้งหมดที่ซ่อนอยู่ใต้น้ำ แล้วหาคำตอบให้ได้ว่า อะไรคือสาเหตุของปัญหาที่แท้จริง
รับประกันเลยว่า ถ้าคุณเจอตัวการที่ซ่อนใต้ภูเขาน้ำแข็งเจ้าปัญหา และจัดการกับมันได้
คุณจะไม่โดนมันเล่นงานอีกเป็นครั้งที่สองอย่างแน่นอน
TheMoneyCoachTH
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี