เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา เกิดกรณีป้าทุบรถเป็นข่าวโด่งดังในโซเชียลมีเดีย โทรทัศน์ และหนังสือพิมพ์ โดยหญิงสาวคนหนึ่งขับรถมาจอดรถขวางประตูบ้าน เพื่อลงไปซื้อของบริเวณแถวตลาดใกล้กับบ้านของป้าทุบรถ และยังใส่เบรกมือทำให้คนในบ้านไม่สามารถขับรถออกมาได้ สร้างความโมโหให้ป้าทุบรถเป็นอย่างมาก
ก่อนที่ป้าทุบรถจะก่อเหตุได้บีบแตรเรียกเจ้าของรถคันที่จอดขวางประมาณ 30 นาที แต่ไม่มีใครแสดงตัว กระทั่งใช้ขวาน และท่อนเหล็กทุบกระจกรถและรอบตัวรถได้รับความเสียหาย สร้างความตกใจให้กับคนที่อยู่บริเวณดังกล่าวไม่น้อย เพราะมองว่าป้าทุบรถทำเกินกว่าเหตุ ซึ่งน่าจะหาวิธีการเข็นรถออกไปก่อน หรือไม่ก็รอให้เจ้าของรถกลับมาแล้วค่อยเจรจาหาทางออก การทุบรถดังกล่าวถือว่าเป็นเจตนาทำให้เสียทรัพย์ แม้จะกระทำด้วยความโกรธหรือระบายความเครียด จากการไม่สามารถนำรถเข้า ออกได้ตามปกติก็ตาม
ตลาดรอบๆ บริเวณดังกล่าวได้ส่งเสียงดัง สร้างความเดือดร้อนกับคนที่อยู่อาศัยบริเวณนั้น ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นหมู่บ้านจัดสรรเพื่อที่อยู่อาศัย ไม่เคยมีตลาดมาก่อน กระทั่งมีการฟ้องร้องเป็นคดีเกิดขึ้น โดยป้าทุบรถได้ฟ้องเป็นคดีต่อศาลปกครองกลางแผนกคดีสิ่งแวดล้อม เมื่อปี พ.ศ.2556 และอีกหลายคดี ซึ่งศาลในคดีสิ่งแวดล้อมได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดยผู้อำนวยการเขตประเวศ ใช้กฎหมายสาธารณสุข พ.ศ.2535 พระราชบัญญัติและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ไม่ให้ทำความเดือนร้อนกับป้าและครอบครัว และผู้ที่อยู่อาศัยในหมู่บ้าน
ล่าสุด ศาลปกครองกลางแผนกคดีสิ่งแวดล้อมมีคำพิพากษาให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้อำนวยการเขตประเวศ สำนักงานเขตประเวศ กรุงเทพมหานคร โดยให้กรุงเทพหานคร ทำการเพิกถอนใบอนุญาตของตลาดทั้ง 5 แห่ง ย้อนหลังไปตั้งแต่วันยื่นขอ รวมทั้งให้ กรุงเทพมหานคร ชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 386,400 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ย้อนหลังไป ตั้งแต่ 30 กันยายน พ.ศ.2556 รวมทั้งให้มีการรื้อตลาดทั้งหมด นับแต่วันที่คำพิพากษาถึงที่สุด
หลังจากมีคำพิพากษาแล้ว กรุงเทพมหานคร พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำพิพากษา แต่จะอุทธรณ์ในประเด็นของค่าเสียหาย และสอบสวนเอาผิดเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องกับการปล่อยปละละเลยให้มีตลาดเกิดขึ้นแทน ซึ่งคาดว่ามีประมาณ 15 คน ประกอบไปด้วยเจ้าหน้าที่เขตประเวศ ผู้อำนวยการเขตประเวศ ทั้งอดีตและปัจจุบัน เจ้าหน้าที่สำนักการโยธากรุงเทพมหานคร ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 จนถึงปัจจุบัน
แต่ละบุคคลอาจจะมีความผิดแตกต่างกันออกไป และต้องเสียเงินชดใช้ค่าเสียหายตามความผิดของแต่ละคน หากว่าผลการสอบสวนออกมาแล้วมีการกระทำความผิดจริงต้องรับโทษ
กรณีดังกล่าวหากเจ้าหน้าที่ไม่รู้เห็นเป็นใจหรืออนุญาตให้ก่อสร้างคงไม่มีเอกชนรายใดกล้าดำเนินการ พื้นที่ดังกล่าวไม่ใช่พื้นที่ที่จะก่อสร้างตลาดได้ ทั้งยังสร้างแบบล้อมหน้าล้อมหลังหมู่บ้านของป้าทุบรถด้วย ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควรทำอย่างยิ่ง
พื้นที่หมู่บ้านจัดสรรดังกล่าวอยู่ใกล้กับสวนหลวง ร.9 มีประชาชนใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจและไปออกกำลังกายเป็นจำนวนมาก เหมาะเป็นสวนสาธารณะ ผู้ที่สร้างตลาดคงเห็นว่า มีคนมาออกกำลังกายเป็นจำนวนมาก ถ้ามีตลาดจะมีคนมาจับจ่ายใช้สอยมีรายได้จำนวนมาก แต่ไม่ได้คิดถึงความเดือดร้อนของคนที่อยู่อาศัยบริเวณนั้น
พื้นที่ตลาดสด หรือตลาดนัดในกรุงเทพมหานคร มีอยู่จำนวนมาก กรุงเทพมหานคร จะได้เคยมีการตรวจสอบหรือไม่ว่า ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างหรือจัดสรรพื้นที่อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพราะหลายๆ พื้นที่อยู่ใกล้สวนสาธารณะ ลานกีฬา มหาวิทยาลัย แต่กลับอนุญาตให้มีการเปิดตลาดนัด ซึ่งนับว่าเป็นพิรุธอย่างยิ่ง
การเปิดตลาดนัดหรือตลาดสด แม้ว่าจะเป็นการสร้างงาน สร้างรายได้กับคนส่วนหนึ่ง แต่หากว่าอยู่ผิดที่จะส่งผลกระทบต่อคนอีกกลุ่มหนึ่งได้เช่นกัน โดยนิสัยของคนไทยนั้นชอบความสะดวกสบาย มีอาหารการกินริมถนน ริมทางเท้า ขายของข้างทาง หรืออยู่ใกล้บ้านจะชอบเป็นพิเศษ จึงไม่ค่อยมีคนเดือดร้อนออกมาต่อต้าน แต่สำหรับป้าทุบรถนั้นเป็นกรณียกเว้น ซึ่งป้าทุบรถตั้งใจว่า บ้านจัดสรรที่ซื้อจะใช้อยู่ยามเกษียณกับครอบครัว เพราะมีความสงบร่มรื่น แต่กลับมาเจอมลพิษทางเสียง ทางกลิ่น และอีกหลายๆ กรณี
คดีของป้าทุบรถ ถือว่าเป็นคดีตัวอย่างให้กับสังคมที่ต้องตระหนักคำนึงถึงบรรทัดฐานของการอยู่ร่วมกันในสังคม โดยเฉพาะการสร้างตลาดสด ตลาดนัด จะต้องมีกฎหมายที่ชัดเจนในการควบคุมอย่างเคร่งครัด ไม่ใช่สร้างตลาดตามอำเภอใจ โดยไม่ศึกษาผลข้างเคียงผลกระทบที่เกิดขึ้น คำนึงถึงแต่ผลประโยชน์และรายได้ ซึ่งอาจจะสร้างปัญหาระยะยาวที่ต้องต่อสู้คดีกันยาวนานเป็น 10 ปี เสียหายทั้งสองฝ่าย
ถ้าหากก่อนหน้านี้ในคดีป้าทุบรถ กรุงเทพมหานครปฏิบัติตามคำสั่งศาลแต่โดยดี ยอมรื้อถอนตลาดออกไปคงจะได้รับคำชื่นชมจากประชาชน และคงจบลงด้วยดี ดีกว่าดื้อดึงอุทธรณ์คำสั่งศาล รอให้คดีถึงที่สุด
หน้าที่หลักของกรุงเทพมหานครคือ มีหน้าที่จัดทำบริการสาธารณะ จัดให้มีสิ่งสาธารณูปโภคสำหรับประชาชน ไม่ใช่เป็นคู่ขัดแย้งกับประชาชนเสียเอง บางสิ่งบางอย่างเมื่อเกิดขึ้นแล้วและสร้างความเสียหายให้กับสังคม ต้องกลับมาทบทวนบทบาทตัวเองไม่ใช่ปล่อยให้ทุกอย่างผ่านไป
ล่าสุดกรณีป้าทุบรถ แม้ศาลปกครองจะมีคำพิพากษาให้รื้อถอนตลาด แต่กลับมีการลักลอบขายของเป็นตลาดอีกครั้ง ไม่เกรงกลัวกฎหมาย
คดีป้าทุบรถ ได้สะท้อนให้เห็นความเป็นจริงในสังคมว่า ยังมีคนจำนวนหนึ่งที่ต่อสู้กับความเป็นธรรมในสังคม และยังสะท้อนให้เห็นความจริงอีกด้านหนึ่งว่า ยังมีเจ้าหน้าที่ของรัฐบางคนเข้าไปเกี่ยวข้องหาผลประโยชน์บนความทุกข์ร้อนของประชาชน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี