nn ข่าวว่า กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) จับหนุ่มวัย 31 ปี ดีลเลอร์ขายโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ปลอมแปลงบัตรประชาชน “ลุงตู่-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกฯ ไปลงทะเบียนซิมโทรศัพท์...คนทั่วไปอาจมองว่าเป็นข่าวอาชญากรรมอีกชิ้นดูมีสีสันดี...ขนาดนายกรัฐมนตรียังถูกล้วงตับได้...
แต่สำหรับแวดวงโทรคมนาคมที่ติดตามข่าวชิ้นนี้สาร...ต่างก็ให้ฉุกคิดขึ้นมาทันใด....ทำให้มองลงไปในมิติข่าวที่ลึกขึ้น.....มันเป็นไปได้อย่างไรที่บริษัทผู้ให้บริการมือถือจะปล่อยให้มีการลงทะเบียนซิมการ์ดใหม่ได้อย่างง่ายดายเช่นนี้...
ก็ในเมื่อ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)ตีฆ้องร้องป่าวว่าได้ดีเดย์การลงทะเบียนซิมใหม่ “ซิมอัตลักษณ์”ที่กำหนดให้ผู้ลงทะเบียนซิมจะต้องลงทะเบียนด้วยระบบการตรวจสอบอัตลักษณ์ทั้งใบหน้าและสแกนลายนิ้วมือ หรือ Finger print ที่ศูนย์บริการของผู้ให้บริการ หรือตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศตั้งแต่ 15 กุมภาพันธ์ 2561 โน้นแล้ว...
โดยกสทช.ยืนยัน นั่งยัน นอนยัน ว่าระบบการลงทะเบียนซิมอัตลักษณ์ใหม่ที่ว่าจะป้องกันการสวมรอยปลอมแปลงการนำซิมการ์ดไปก่ออาชญากรรม เพราะผู้ลงทะเบียนจะต้องยืนยันและพิสูจน์ตัวตนผ่านระบบที่กสทช. และผู้ให้บริการมือถือร่วมกันจัดทำขึ้นมา
แล้วเหตุใดจึงปล่อยให้เกิด “ช่องโหว่” ปล่อยให้ใครก็ไม่รู้สวมรอย “ลุงตู่” ไปลงทะเบียนซิมการ์ดไปก่อเหตุกันได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ และไม่ใช่แค่ใบสองใบแต่มากถึง 55 ใบ ซึ่งไม่รู้ว่าต่างชาติที่นำเครื่องมือถือลุงตู่ไปใช้นั้นได้ไปก่อเหตุสร้างวีรกรรมวีรเวรอะไรไว้....บ้าเที่ยวไปสั่งใครดูด “สส.ไร้กึ๋น” มาเข้าพรรคเป็นฐานในการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือเปล่าก็ไม่รู้!
ยิ่งเมื่อ บริษัทเรียลมูฟ ในเครือทรูมูฟ ออกมายืนยันด้วยว่า ได้ตรวจพบความผิดพลาดที่เกิดขึ้นซึ่งยืนยันว่าไม่ได้มาจากระบบลงทะเบียนของบริษัท แต่มาจากระบบลงทะเบียน 2 แชะผ่านแอพพลิเคชั่นที่กสทช.ผุดขึ้นมาเอง โดยหวังจะเชื้อเชิญชวนผู้คนให้มาลงทะเบียนผ่านระบบดังกล่าวด้วยแล้วก็ยิ่งชี้ให้เห็นถึงข้อบกพร่องที่มาจากองค์กรกำกับดูแลเอง...
แต่ที่ทำเอาทุกฝ่าย “อึ้งกิมกี่” หนักเข้าไปอีก ก็เมื่อเลขาธิการ กสทช.ออกมายอมรับเองว่า ระบบลงทะเบียนซิมใหม่ที่ดีเดย์มาตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ 2561 ผ่านมาวันนี้ เพิ่งจะกระดึ๊บๆ ไปได้แค่ 10% ลงทะเบียนได้แต่ศูนย์บริการขนาดใหญ่เท่านั้น... ทำให้สังคมต้องย้อนกลับมาถามกสทช.ว่าหลังตีปี๊บทำคลอดหลักเกณฑ์ “ซิมอัตลักษณ์” ออกมาเสียดิบดีตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2561 เหตุใดจนถึงวันนี้เรื่องที่ควรจะขับเคลื่อนให้เดินหน้าถึงยัง “ย่ำอยู่กับที่” ไม่มีความคืบหน้า....
ภารกิจหลักที่ควรต้องดำเนินการกลับ “อืดเป็นเรือเกลือ”แต่กับกรณีถ่ายทอดฟุตบอลโลก 2018 ที่เป็นแค่จ๊อบฝากของภาครัฐกลับกุลีกุจอออกหน้าสารพัดที่สำคัญยังก่อให้เกิดข้อกังขา ที่ผ่านมา กสทช.ได้ลงไปตรวจสอบการดำเนินการตามประกาศ กสทช.ว่าด้วยการลงทะเบียนระบบอัตลักษณ์ของผู้ให้บริการมือถือที่ตนเองสั่งการลงไปนี้มากน้อยเพียงใด...
นี่หากไม่เกิดเรื่องอื้อฉาวเอากับ “ลุงตู่” ขึ้นมา ประชาชนคนไทยคงไม่มีโอกาสได้รับรู้เลยว่าประกาศกสทช.เรื่องการบังคับใช้ระบบลงทะเบียน “ซิมอัตลักษณ์” ที่ว่านั้นยังคงถูกซุกเอาไว้ใต้พรมไม่มีการขับเคลื่อน ขยับไปไหนกลายเป็นแค่กระดาษเช็ดตูด ประกาศส่งเดชกันไปอย่างนั้น...จริงไม่จริงท่านเลขาธิการ กสทช.!!!
จี้SMEรื้อสูตรใหม่
สอท.พบใช้‘ไขมันทรานส์’ผลิตอาหาร
มีอะไรซุกไว้ใต้พรมอีกไหม..กสทช.????
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี