กรณีร้านสะดวกซักรีดระเบิดที่ซอยอินทามระ 36 ใจกลางกรุงเทพมหานคร เมื่อต้นเดือนกันยายน 2561 ที่ผ่านมา ถือเป็นเหตุการณ์อันตรายแบบที่ไม่คาดคิด และไม่เคยมีมาก่อน
ปัจจุบันวิถีชีวิตผู้คนในเมืองได้เปลี่ยนไป จากเดิมที่มีชีวิตไม่เร่งรีบ ไม่ต้องทำงานแข่งกับเวลามากนัก เปลี่ยนเป็นชีวิตที่เร่งรีบ ทำงานแข่งกับเวลา มีเวลาพูดคุยกัน ดูแลเอาใจใส่กันน้อยลง ยิ่งใช้โทรศัพท์มือถือเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ยิ่งทำให้เป็นสังคมก้มหน้า ผู้คนมีเวลาให้แก่กันนั้นน้อยไป
ธุรกิจหลายประเภทได้เริ่มตอบสนองความต้องการของคนรุ่นใหม่ อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เช่น ร้านสะดวกซื้อ ร้านกาแฟ ร้านให้บริการเป็นศูนย์ออกกำลังกายแบบฟิตเนส ที่เปิดให้บริการตลอดเวลา 24 ชั่วโมง รวมถึงร้านสะดวกซักรีดที่เป็นบริการใหม่ เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง เช่นกัน
ร้านสะดวกซักรีดที่ให้บริการ 24 ชั่วโมง เป็นแฟรนไชส์ (ร้านค้าที่เปิดให้บริการในหลายแห่ง โดยจัดร้าน ให้บริการและบริหารแบบเดียวกัน) ที่มาจากประเทศจีน พัฒนามาจากการให้บริการเครื่องซักผ้า และเครื่องอบผ้าที่ให้บริการโดยหยอดเหรียญ ลูกค้าจะใช้บริการตอนไหนก็ได้ โดยต้องทำเอง ไม่มีพนักงานให้บริการ
ร้านสะดวกซักรีดที่ให้บริการ 24 ชั่วโมง จะจัดร้านให้ดูทันสมัย ติดตั้งเครื่องปรับอากาศ อุณหภูมิเย็นสบาย มีอินเตอร์เนตไวไฟให้บริการ โดยไม่เก็บเงินเพิ่มแก่ลูกค้าที่มาใช้บริการ โดยหยอดเหรียญบริการตนเอง ไม่มีพนักงาน
นับว่าเป็นที่ถูกใจคนรุ่นใหม่ ที่ตรงกับวิถีชีวิต สะดวกตอนไหนสามารถใช้บริการได้ ดึกดื่นหลังเที่ยงคืน ยังมีคนใช้บริการจนถึงสว่าง เพราะบางคนไม่สะดวกที่จะมาใช้บริการ เนื่องจากทำงาน
ร้านสะดวกซักรีดที่ระเบิดที่ซอยอินทามระ 36 นี้ เพิ่งเปิดบริการเพียง 3 วัน ยังอยู่ในช่วงส่งเสริมการขาย แนะนำตัวให้ผู้คนบริเวณนั้น ซึ่งมีบ้านพักอาศัย ห้องเช่า หอพัก อพาร์ตเม้นต์ อาคารชุด เป็นจำนวนมาก มาใช้บริการ โดยไม่เรียกเก็บเงิน จึงมีผู้ใช้บริการ จนแน่นเต็มร้านตลอดเวลา
ช่วงเวลาที่ร้านซักรีดแห่งนี้ระเบิดเป็นเวลา 02.00 น. ที่ยังมีผู้ใช้บริการ ในช่วงเวลาบ่ายก่อนเกิดเหตุ ซึ่งอีกวันหนึ่ง เจ้าของร้านค้าแถวนั้น ซึ่งอยู่ในอาคารพาณิชย์ หรือห้องแถวเดียวกับร้านสะดวกซักรีด ได้กลิ่นก๊าซรั่ว และรับรู้ถึงความผิดปกติ ได้พยายามตามหาที่มาของกลิ่นก๊าซรั่ว แต่ไม่พบ เพราะไม่คิดว่า จะมาจากร้านสะดวกซักรีด
จนช่วงก่อนเวลา 02.00 น. ที่ร้านสะดวกซักรีดระเบิด ในขณะนั้นมีคนมาใช้บริการหลายคน ต่างได้กลิ่นก๊าซรั่ว จึงไปบอกเจ้าของร้านข้างๆ ให้ช่วยติดต่อเจ้าของร้านสะดวกซักรีดให้มาตรวจดู แต่ติดต่อไม่ได้ เพราะไม่มีหมายเลขโทรศัพท์มือถือสำหรับติดต่อกรณีฉุกเฉิน ลูกค้าจึงพากันออกจากร้านสะดวกซักรีด ไปสังเกตการณ์ที่ฝั่งตรงข้ามถนน ชั่วอึดใจ ร้านสะดวกซักรีดระเบิดขึ้น มีคนบาดเจ็บถึง 8 ราย ที่นำส่งโรงพยาบาล
กรณีนี้มีข้อสังเกตว่า คนทั่วไปไม่อาจคาดการณ์ได้ว่า ร้านซักรีดแบบหยอดเหรียญ หรือจัดทำแบบสมัยใหม่แบบร้านสะดวกซักรีด จะใช้ก๊าซเป็นพลังงานแทนไฟฟ้า
การขออนุญาตประกอบกิจการซักอบรีด ด้วยเครื่องจักร รวมถึงการให้บริการแบบตู้หยอดเหรียญด้วย เป็นกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพประเภท 10 (7) ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ต้องขออนุญาตสำนักงานเขตในพื้นที่ที่ร้านนั้นตั้งอยู่
หากพิจารณาจากกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นประกาศกระทรวงสาธารณสุข จะเห็นว่า กฎหมายมุ่งเน้นไปที่เรื่องสาธารณสุข ควบคุมไม่ให้เป็นแหล่งแพร่เชื้อ ไม่ให้ติดโรค หรือเป็นที่ระบาดโรค ซึ่งนับว่า กฎหมายที่ใช้บังคับอยู่กำลังเดินตามหลังวิถีชีวิตของคนในเมือง ที่นับวันจะวิ่ง (ไม่ใช่เดิน) ไปข้างหน้า และเปลี่ยนไปแบบก้าวกระโดด
ร้านสะดวกซักรีดนี้ ไม่ได้ใช้ไฟฟ้าเป็นพลังงานแต่เพียงอย่างเดียว แต่ยังใช้ก๊าซเป็นพลังงานด้วย โดยเฉพาะการอบผ้าให้แห้ง ซึ่งจะทำให้ลดค่าใช้จ่าย ประหยัดต้นทุน และมีกำไรมากขึ้น
จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ พบว่า ร้านสะดวกซักรีดแห่งนี้ เปิดให้บริการโดยไม่ได้ขออนุญาตให้ถูกต้องตามกฎหมาย
เมื่อได้ฟังคำให้สัมภาษณ์ของเจ้าของร้านที่ว่า ได้เปิดให้บริการร้านสะดวกซักรีดแบบนี้มาแล้วหลายร้าน ไม่มีปัญหา ส่วนร้านที่ระเบิดนี้ การติดตั้งเครื่องใช้ช่างคนละชุดกับที่เคยติดตั้งร้านที่ผ่านมา ซึ่งอาจไม่คุ้นเคยกับการติดตั้ง จึงมีก๊าซรั่ว และระเบิดในที่สุด
กรณีนี้ หากเจ้าของร้านติดหมายเลขโทรศัพท์มือถือไว้ในร้านให้ติดต่อในกรณีฉุกเฉิน อาจไม่มีการระเบิดและไม่มีคนต้องบาดเจ็บ
อย่างไรก็ตาม ถือว่า กิจการประเภทนี้เปรียบเสมือนนำระเบิดไปวางไว้ตามแหล่งชุมชน ที่มีคนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยที่ผู้คนเหล่านั้นไม่ได้รับรู้ หรือรู้ตัวถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้
คงถึงเวลาที่เจ้าหน้าที่ของรัฐต้องพิจารณาปรับแก้ไข และออกกฎหมายควบคุมให้ทันเหตุการณ์และทันสมัย เพื่อความปลอดภัยของประชาชน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี