บังเอิญความจำแม่นเลยจำได้ว่าลุงแซมนั้นคุยฟุ้งนักหนาว่าจะไม่คบค้าสมาคมกับประเทศที่ไม่เป็นประชาธิปไตย รวมทั้งไม่ให้การช่วยเหลือใดๆ ต่อประเทศเหล่านี้ ถึงได้ตั้งแง่กับประเทศไทยว่าปกครองโดยรัฐบาลทหารและออกแนวมึนตึงใส่ ถึงขนาดส่งทูตซึ่งควรทำหน้าที่เชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างสองประเทศมาจุ้นจ้านกิจการภายในสร้างความร้าวฉานอยู่ตลอดเวลา ภายใต้คำโฆษณาชวนเชื่อสวยหรูว่า “มิตรแท้”
จะว่าไปแล้วไอ้คำพูดทำนองนี้ของลุงแกก็เหมือนนิทานหลอกเด็ก เพราะหากแฉสันดานลุงแซมกันตรงๆ แล้วคงต้องบอกว่ายอมกลืนน้ำลายได้ทุกเมื่อเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง อาหรับสปริงในอียิปต์นี่ ลุงแกก็เจ้ากี้เจ้าการช่วยโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แถมหนุนกองทัพอิยีปต์รัฐประหารพร้อมหนุนส่งเต็มพิกัด
ใครๆ ก็อ่านเกมออกทั้งนั้นว่าลุงแซมทำตัวเหมือนผู้นำโลกมานานแล้ว ทั้งๆที่ไม่มีใครเชื้อเชิญ แต่อุปโลกน์ตัวเองขึ้นมาเป็นมาเฟียโลก แทนที่จะทำตัวดีๆ เป็นลูกพี่ดูแลประเทศอื่นอย่างที่ปากหวานไปทั่วกับประเทศนั้นประเทศนี้ กลับเอากำลังที่มากกว่าไม่ว่าจะทางการเมือง การปกครอง การทหาร การทูต มาบีบไข่ชาวบ้านให้หน้าเขียวเพื่อบังคับประเทศต่างๆให้เดินไปตามเกมของตน ถ้าอยากได้ผลประโยชน์จากบ้านไหน ลุงแกก็เดินเกร่ไปกวนตีนสร้างความวุ่นวายให้บ้านนั้นหรือไปสนับสนุนอาวุธให้บางฝ่ายเพื่อบีบให้ได้ผลประโยชน์ของลุงแกเอง โดยมักจะอ้างว่าทำเพื่อ “ประชาธิปไตย” หรือไม่ก็ใช้คำหรูๆ มาพ่นว่า “เสรีภาพ” หรือแม้กระทั่งการเอาทหารไปถล่มชาวบ้านแล้วดันยืดอกบอกว่าทำเพื่อ “สันติภาพ”
ชาวโลกรู้ว่าตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา ลุงแซมด่าทอคิวบาว่าเป็นประเทศเผด็จการอันเลวร้าย ประเทศประชาธิปไตยอย่างลุงแซมจะไม่มีวันลดตัวลงไปคบค้าสมาคมด้วยอย่างเด็ดขาด เพราะรังเกียจเผด็จการอย่างที่สุด จากนั้นอเมริกาก็คว่ำบาตรคิวบาทุกทาง
เมื่อต้นปีนี้เองโอบาม่ายกครอบครัวไปเยือนคิวบาอย่างเป็นทางการ ลุงแซมกอดคิวบาดูดซิการ์ฮาร์วาน่าแล้วยักคิ้วเรียกขานหวานชื่นว่า "เพื่อนบ้าน" พลางปลดชื่อคิวบาออกจากบัญชีดำในฐานะประเทศที่ให้การสนับสนุนก่อการร้าย ทั้งที่คิวบาก็ยังปกครองประเทศด้วยระบอบเดิมนั่นแหละ การถอดคิวบาออกจากบัญชีรายชื่อประเทศที่ให้การสนับสนุนการก่อการร้ายทำให้ทั้งสองประเทศสามารถสานสัมพันธ์ทางการทูตได้อีกครั้งหนึ่ง และยังเป็นเงื่อนไขสำคัญให้คิวบาสามารถเข้าถึงเงินกู้และความช่วยเหลือได้ ซึ่งแน่นอนว่านี่คือขั้นตอนแรกที่จะทำให้นักธุรกิจลุงแซมสามารถเข้าไปลงทุนในคิวบาสะดวกขึ้น
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะกลัวพี่หมีขาวปุตินจะมาขอคิวบาใช้ฐานทัพเก่าของรัสเซียที่อยู่ในคิวมาคอยส่องดูลุงแซมจากหลังบ้าน เพราะฐานทัพนั้นใกล้อเมริกามากจนน่ากลัว แถมการยื่นเงื่อนไขให้คิวบาสามารถเข้าถึงเงินกู้และความช่วยเหลือนั้นคือผลประโยชน์เต็มๆ ของลุงแซมเองนั่นแหละ แต่ลุงคงมัวเก็งกำไรขาดทุนจนลืมไปแล้วใช่ไหมที่ลั่นวาจาว่าจะไม่คบค้าให้ความช่วยเหลือประเทศที่ไม่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยน่ะ คิวบาเป็นประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะลุง
หากว่ายังไม่ชัดเจนในเรื่องนิทานหลอกเด็กของลุงแซม ดูการไปเยือนเวียตนามของโอบาม่าก็แล้วกัน ก่อนหน้านั้นอังเคิลแซมคว่ำบาตรการค้าอาวุธแก่เวียตนามมาตั้งแต่ยุคสงครามเวียตนาม จะกี่ปีผ่านไปก็ยืนกรานปากแข็งว่าจะไม่ยอมยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรค้าอาวุธแก่เวียดนาม จนกว่าเวียตนามมีมาตรการอย่างเป็นรูปธรรมในการที่จะรับรองเสรีภาพในด้านการแสดงออก การนับถือศาสนา การชุมนุม รวมถึงปลดปล่อยนักโทษการเมือง ฮั่นแน่..ฟังคุ้นๆ หูนะเนี่ย
พอลุงแซมหงุดหงิดใส่มังกรจีนเรื่องปัญหาทะเลจีนใต้ ก็กวาดมองบรรดาประเทศในเอเซียเพื่อหาสมุนเอาไว้รองมือรองตีนเหมือนแต่ก่อน ประเทศที่ขานรับแข็งขันคือฟิลิปปินส์ ซึ่งจะว่าไปแล้วก็เหมือนคู่ขาเก่าคุยกันง่าย มองตาก็รู้ตื้นลึกหนาบางกันและกัน ส่วนสองประเทศที่ยิ้มกระมิดกระเมี้ยนให้ท่าลุงแซมอยู่หัวมุมตึกคือเวียตนามและญี่ปุ่น ซึ่งทั้งสองประเทศคือคู่สงครามดั้งเดิมของจีนนั่นเอง จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไรที่หลังจากไปเยือนคิวบาอย่างเป็นทางการไปแล้ว ลุงแซมจะแวะมากินเฝอต่อในเวียตนาม ว่าแต่เวียตนามนี่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยเหรอ..ทำแบบนี้ไม่ขัดกับหลักการณ์หรือไงลุง หรือว่าเอาหลักกูก่อนตอนนี้
การมาเยือนหนนี้มีทีเด็ดเพราะโอบามาประกาศยกเลิกคว่ำบาตรการค้าอาวุธต่อเวียดนามที่ดำเนินมาหลายสิบปี ทำให้ก้าวย่างนี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ระหว่างการแถลงข่าวร่วมกับประธานาธิบดี เจิ่น ได กวาง แห่งเวียดนาม โอบามาระบุว่ารัฐบาลฮานอยได้แก้ไขปัญหาสิทธิมนุษยชนไป “มากพอสมควร”
และการที่สหรัฐฯ เลิกคว่ำบาตรค้าอาวุธก็เพื่อให้สอดคล้องต่อรูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่แน่นแฟ้นยิ่งกว่าเก่า คือพูดง่ายๆคือ มึงต้องยอมกูวางตีนหน้าบ้านหน่อยนะ ส่วนเวียตนามเองก็ใช่จะหลงลมลุงแกเสียทีเดียว เพราะรู้ว่าจีนจ่อเลี๊ยะพะอยู่ตลอดเวลา เอาไม้กันหมาอันใหญ่ๆ หน่อยมาคานคมเขี้ยวก็น่าจะดี คิดดังนั้นก็ฉีกยิ้มใส่ลุงแซมพลางเช็คแฮนด์กันชื่นมื่น
ลุงแซมยังพยายามโน้มน้าวเวียตนามให้เล็งเห็นว่า สิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานไม่ได้บั่นทอนเสถียรภาพของประเทศแต่อย่างใด อ้าว..ลุงเล่นกลืนน้ำลายที่ถ่มออกมาง่ายๆ แบบนี้เองเลยนะ ว่าแล้วลุงก็เนียนต่อไปว่าจะให้ความช่วยเหลือด้านอาวุธยุทโธปกรณ์เพื่อเพิ่มเขี้ยวเล็บแก่หน่วยยามฝั่งและยกระดับแสนยานุภาพทางทะเลของเวียดนาม (ทั้งนี้ก็เพื่อลุงแซมเองนั่นแหละ) ข้างในวงเล็บนี่เวียตนามไม่ได้พูด แต่ดูท่าทีแล้วก็ประมาณนี้ นอกจากสยายกรงเล็บไปเกาะคอนแล้ว ยังไม่วายปากหมาประสาลุงแซม ดันไปแดกดันอาเฮียชายสี่บะหมี่เกี๊ยวอีกว่า
“ประเทศใหญ่ไม่ควรรังแกประเทศที่เล็กกว่า”
สงสัยดูแล้วลุงแซมคงไม่เคยส่องกระจกดูตัวเองบ้างเลยมั้งถึงได้พูดอะไรเทือกๆนี้ออกมา ไอ้ยุทธศาสตร์ทางทะเลของลุงแซมนั้น ตะแกบวกลบคูณหารร่างแผนที่เหนือกบาลชาวเอเซียเอาไว้แล้วว่าจะเริ่มจากเมืองดาร์วินในออสเตรเลีย แล้วขยายเข้ามาถึงอ่าวซูบิกในฟิลิปปินส์ รวมถึงที่อ่าวคัมรานห์ในเวียดนาม หากทำสำเร็จก็เท่ากับว่า เครือข่ายฐานทัพมะริกันเหล่านี้จะเป็นข้ออ้างสำคัญให้ลุงแซมในการส่งเรือรบเข้ามาลอยหน้าเฉิบๆ ในทะเลจีนใต้ได้ทันที เพราะมีข้ออ้างต่อชาวโลกว่า
“ลุงไม่ได้ละเมิดน่านน้ำอะไรนี่หว่า ก็แค่มาลอยเรือตกปลาในฐานทัพของลุงเอ๊ง”
เห็นลูกล่อลูกชนของนกอินทรีหัวล้านกันหรือยังล่ะ ส่วนจีนนั้นโกรธไฟแลบชี้หน้าด่าปังออกมาทันทีผ่านหนังสือพิมพ์โกลบอล ไทม์ส ซึ่งเป็นสื่อแท็บลอยด์ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนทำนองว่าโอบาม่าโกหกอย่างน่าทุเรศในเรื่องการยอมที่จะลดมาตรฐานด้านสิทธิมนุษยชนลงมาก็เพื่อตีมาอัดกับอาเฮียโดยใช้เวียตนามเป็นเครื่องมือ
เห็นหรือยังล่ะว่าไอ้ที่ลุงแซมทำพูดวางโตใส่ชาวโลกว่าจะไม่หารือและให้ความช่วยเหลือประเทศที่ไม่เป็นประชาธิปไตยนั้นก็แค่นิทานหลอกเด็กที่ขนอุยเพิ่งงอกเท่านั้นแหละ ไม่ว่าปกครอบด้วยระบอบไหน ลุงแซมพร้อมกลืนน้ำลายได้ทุกเมื่อ หากได้กลิ่นเงินและผลประโยชน์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี