14 ปีนับตั้งแต่การก่อกำเนิดของระบอบทักษิณมักสร้างภาพอ้างจุดขายความเป็นประชาธิปไตยบังหน้ามาตลอด ทั้งๆที่พฤติกรรมของระบอบทักษิณตรงกันข้ามกับประชาธิปไตยที่แท้จริงอย่างสิ้นเชิง
ทั้งนี้เพราะธาตุแท้ตัวตนของระบอบทักษิณคือธุรกิจการเมืองทุนสามานย์และเผด็จการเสียงข้างมากในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมแบบไทยๆ โดยการเริ่มต้นก่อกำเนิดของพรรคระบอบทักษิณเป็นการทุ่มทุนซื้อ ส.ส. กลุ่มการเมือง ซื้อพรรคการเมือง ซื้อเสียง ซื้อประชาธิปไตย ซื้อประเทศเพื่อให้ได้มาซึ่งการผูกขาดอำนาจรัฐ และเมื่อได้อำนาจรัฐก็จะทุจริตคอร์รัปชั่นถอนทุนบวกกำไรมหาศาล ขณะเดียวกันก็ใช้เงินจากการคอร์รัปชั่นรวมทั้งใช้อำนาจรัฐผ่านสารพัดโครงการประชานิยมต่อยอดสร้างคะแนนนิยมเอาชนะการเลือกตั้งแบบไม่รู้จบจนกลายเป็นวงจรอุบาทว์อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
นอกจากใช้อำนาจรัฐซื้อเสียงทางอ้อมแบบอัฐยายซื้อขนมยายผ่านสารพัดโครงการประชานิยมแล้ว ในยุครัฐบาลทักษิณยังซื้อเสียงทางอ้อมโดย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนักโทษหนีคุกคดีทุจริต ประกาศว่า หากจังหวัดไหนเลือกผู้สมัคร ส.ส.พรรคระบอบทักษิณ รัฐบาลจะเพิ่มงบประมาณให้จังหวัดนั้นเป็นกรณีพิเศษ แต่หากจังหวัดไหนไม่เลือกผู้สมัครระบอบทักษิณก็อาจถูกลดงบประมาณลง
ในยุครัฐบาลระบอบทักษิณเรืองอำนาจสุดขีดมีการใช้อำนาจโกงชาติปล้นแผ่นดินอย่างมโหฬารด้วยการออกกฏหมายเอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจตระกูลชินทำให้รัฐเสียหายคาดว่าคิดเป็นมูลค่าหลายแสนล้านบาท ถึงขนาดออกพระราชกำหนดลดภาษีโทรศัพท์มือถือเอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจเครือชินวัตร ทั้งๆที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญเนื่องจากการออกพระราชกำหนดจะทำได้ต่อเมื่อเกิดวิกฤติร้ายแรงเร่งด่วนทางด้านเศรษฐกิจ หรือความมั่นคงของประเทศเท่านั้น
ความเป็นเผด็จการเสียงข้างมากในคราบประชาธิปไตยจอมปลอมของพรรคระบอบทักษิณไม่ต่างจากพรรคนาซีของอดีตจอมเผด็จการโลกอดอล์ฟ ฮิตเล่อร์ ของเยอรมันนี ที่ใช้วิธีการสกปรกเอาชนะการเลือกตั้งและยึดอำนาจรัฐ จากนั้นก็ใช้เสียงข้างมากออกกฏหมายเพิ่มอำนาจให้ตัวเองและใช้อำนาจแสวงหาผลประโยชน์กระทำสารพัดสิ่งชั่วร้ายตามใจชอบ ซึ่งจุดจบของพรรคนาซีและระบอบทักษณอาจไม่ต่างกันนั่นคือการล่มสลายในที่สุด โดยการเหิมเกริมในอำนาจของรัฐบาลหุ่นเชิด ระบอบทักษิณยุค น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่พยายามใช้เสียงข้างมากในคราบประชาธิปไตยผ่านร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมหวังลบล้างโทษความผิดให้กับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนักโทษหนีคุก เพื่อจะได้กลับบ้านแบบเท่ๆโดยไม่ต้องติดคุกตามคำพิพากษาศาลในคดีทุจริตอันเป็นการทำลายหลักนิติรัฐและเปิดช่องให้ นายทักษิณ มีโอกาสได้ทรัพย์สิน 46,000 ล้านบาทที่ถูกยึดคืนกลายเป็นชนวนให้มวลมหาประชาชนหลายล้านคนออกมาแสดงพลังขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
พรรคระบอบทักษิณถูกตั้งข้อสงสัยว่าหาใช่สถาบันการเมืองไม่ แต่มีสถานะเป็นเพียงบริษัทการเมืองจำกัดและ ส.ส.แทนที่จะเป็นตัวแทนปวงชนกลับมีฐานะไม่ต่างจากลูกจ้างบริษัทที่ต้องฟังคำสั่งเพราะรับผลประโยชน์ท่อน้ำเลี้ยงจากนายทุนเจ้าของบริษัทการเมืองจำกัดเพียงคนเดียว
ระบอบทักษิณยังมีแนวคิดแทรกแซงองค์กรอิสระโดยด้านหนึ่งใช้เงินหรือผลประโยชน์รูปแบบต่างๆซื้อตัวผู้บริหารในองค์กรอิสระ แต่หากวิธีการซื้อตัวไม่สำเร็จก็ประกาศไม่ยอมรับองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ และใช้วิธีการข่มขู่คุกคามถึงขั้นเคยใช้แก๊งอันธพาลเสื้อแดงเข้าปิดล้อมหรือปาระเบิดหรือยิงด้วยกระสุนระเบิดจากเครื่องยิงแบบเอ็ม 79 อาทิ เหตุการณ์ที่เกิดกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)หรือศาลรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการโจมตีบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือเพื่อหาข้ออ้างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อยุบเลิกหรือลดอำนาจองค์กรอิสระที่เป็นเสี้ยนหนามขัดขวางการผูกขาดอำนาจและแสวงหาผลประโยชน์ของระบอบทักษิณ
นายทักษิณ ยังปฏิเสธกระบวนการยุติธรรมหากไม่เอื้อประโยชน์ให้ตัวเอง โดยพอถูกจับได้ว่าทุจริตก็พยายามติดสินบนศาล อาทิ กรณีถุงขนมภายในมีเงิน 2 ล้าน แต่พอไม่สำเร็จก็หนีออกนอกประเทศและส่อพฤติการณ์บงการจัดตั้งกองกำลังก่อการร้ายเพื่อล้มรัฐบาลฝ่ายตรงข้ามหวังช่วงชิงอำนาจรัฐกลับมาเป็นของตัวเองอีกครั้ง
ระบอบทักษิณยังจัดตั้งมวลชนเสื้อแดงและกองกำลังก่อการร้ายใต้ดินเพื่อเป็นเครื่องมือทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามเพื่อช่วงชิงอำนาจรัฐ ดังเหตุการณ์การก่อจลาจลทั่วกทม.ของมวลชนเสื้อแดงและบุกล้มการประชุมสุดยอดผู้นำชาติอาเซียนและผู้นำชาติมหาอำนาจคู่เจรจาที่พัทยาเมื่อปี 2552 ตามด้วยการก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองเมื่อปี 2553 และที่เลวร้ายกว่านั้นคือกองกำลังเสื้อแดงบุกสภากาชาดไทยและโรงพยาบาลจุฬาฯจนต้องอพยพ สมเด็จพระญารสังวร สมเด็จพระสังฆราช ที่ทรงรักษาอาการประชวรอยู่รวมทั้งบรรดาคนไข้ทั่วไปกันอย่างอลหม่าน ทั้งๆที่สภากาชาดไทยและโรงพยาบาลถือเป็นสถานที่ปลอดภัยตามหลักสากล
นอกจากนี้ระบอบทักษิณยังมีแนวคิดปฏิวัติประชาชนเพื่อแบ่งแยกประเทศหรือเปลี่ยนแปลงการครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขด้วยแนวคิดตั้ง “รัฐไทยใหม่” หรือแยกภาคเหนือและภาคอีสานเป็นรัฐอิสระ
ระบอบทักษณยังอาศัยอำนาจรัฐในคราบประชาธิปไตยทำลายระบบธรรมาภิบาลในระบบราชการด้วยการย้ายข้าราชกรที่ซื่อสัตย์สุจริตและมีอุดมการณ์เพื่อชาติแต่ไม่ใช่พวกหรือไม่ยอมก้มหัวให้ระบอบทักษิณพ้นจากตำแหน่งสำคัญ ในทางตรงกันข้ามแต่งตั้งข้าราชการที่ยอมเป็นทาสรับใช้ระบอบทักษิณเข้ามาคุมอำนาจสร้างอาณาจักรรัฐระบอบทักษิณหวังผูกขาดอำนาจยึดครองประเทศอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดไม่ต่างจากเผด็จการเสียงข้างมากในคราบประชาธิปไตยจอมปลอม
จากตัวอย่างพฤติกรรมทั้งหมดข้างต้นแม้ต่การเคลื่อนไหวของขบวนการระบอบทักษิณในปัจจุบันสะท้อนธาตุแท้ตัวตนที่แท้จริงของระบอบทักษิณได้อย่างชัดเจนว่า ยังพยายามสร้างภาพลวงโลกอ้างประชาธิปไตยบังหน้าอำพรางโฉมหน้าที่แท้จริงที่เป็นระบอบธุรกิจการเมืองทุนสามานย์และเผด็จการเสียงข้างมากในคราบประชาธิปไตยจอมปลอม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี