อีกไมกี่วันแล้วครับแล้วครับ คดีสำคัญ นั่นคือ คดีที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกฟ้องต่อศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองก็จะตัดสิน ผู้คนทั้งายกำลังลุ่นระทึกว่า ศาลท่านจะยกฟ้องโจทก์ ปล่อยจำเลย หรือจะลงโทษจำเลย หนัก เบา เพียงใด ?
นี่เป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของประชาชน
นางสาวยิ่งลักษณ์ เพิ่งแถลงปิดคดีไปเมื่อไม่นานนี้ นางยืนยันว่า ไม่ได้ทำอะไร นางบริสุทธิ์
ฝ่ายอัยการ นายสุรศักดิ์ ตรีรัตน์ตระกูล อธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน ซึ่งทำคดีนี้ยืนยันว่ากำลังจะส่งคำแถลงปิดคดีในวันที่ 15 สิงหาคมนี้ และในคำแถลงครบถ้วนทุกประเด็น เหลือเพียงการเกลาสำนวนให้เรียบร้อย
คำตัดสินจะเป็นประการใด นั่นอยู่ที่ดุลยพินิจของศาล
ใครที่ติดตามคดีนี้ก็จะเห็นว่า แนวทางการต่อสู้คดีของนางสาวยิ่งลักษณ์ เป็นแนวทางการต่อสู้ของทีมกฎหมายพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน หรือพรรคเพื่อไทยในขณะนี้ เป็นแนวทางเดียวกับ ทีมงานกฎหมายของ ทักษิณ ชินวัตร นั่นก็คือ
เน้นในเรื่องความบริสุทธิ์ของตัวเอง
เน้นในเรื่องศาลไม่มีอำนาจในการพิจารณา ในการตัดสิน
เน้นให้ประชาชนเห็นอกเห็นใจ ให้เห็นว่า ตัวจำเลย หรือผู้ถูกกล่าวหาถูกกลั่นแกล้ง ไม่ได้รับความเป็นธรรม ถ้าถูกลงโทษประชาชนจะไม่พอใจจะเกิดความไม่สงบขึ้นในบ้านเมือง บ้านเมืองจะลุกเป็นไฟ ฯลฯ
คดีนี้เกิดจาก เมื่อนางสาวยิ่งลักษณ์ นำพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งได้เป็นรัฐบาลต่อจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้นำนโยบายที่ประกาศไว้ระหว่างการรณรงค์เพื่อเอาชนะเลือกตั้ง คือนโยบายรับจำนำข้าวจากชาวนาในราคาตันละ 15,000 บาท มาใช้ นัยว่า เพื่อให้ชาวนาซึ่งเปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของประเทศ มีรายได้ดีขึ้น มีความเป็นอยู่ดีขึ้น
แรกที่ดำเนินการตามนโยบายดังกล่าวนี้ก็เรียบร้อยดี ชาวนามีรายได้ดีขึ้นจริงๆเพราะสามารถจำนำข้าว หรือ ในความเป็นจริงก็คือขายข้าวให้รัฐบาลได้ราคาที่สูงกว่าท้องตลาด ไม่เฉพาะแต่ตลาดในประเทศเท่านั้น สูงกว่าราคาข้าวในตลาดโลกอีกด้วย
การดำเนินนโยบายดังกล่าวไม่นานนัก ก็เริ่มมีเสียงคัดค้านขึ้นจากหลายฝ่าย ทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝ่ายค้าน นักวิชาการ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน และจากสำนักงานปราบปรามการทุจริต (เนื่องจากมีการร้องเรียนไปที่ ปปช. )
เรื่องที่ถูกร้องนั้น มีทั้งเรื่องการทุจริตจากโครงการดังกล่าว เป็นต้น มีข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านทะลักเข้ามา เพราะราคารับจำนำทุกเมล็ดของเราสูงกว่า ราคาข้าวของประเทศเพื่อนบ้าน มีการนำข้าวที่รับจำนำไว้แล้วเอาออกจากโกดังมาเวียนจำนำซ้ำอีก มีการนำข้าวที่บอกว่า ขายให้ต่างประเทศในราคามิตรภาพ กลับมาเวียนจำนำอีก ไม่มีการส่งออกจริง มีการนำข้าวที่บอกว่า ขายในราคาถูกเพื่อให้คนจนในประเทศได้บริโภคข้าวในราคาถูก เวียนมาจำนำอีก ฯลฯ
ทั้งหลายเหล่านี้เป็นความเสียหายที่เกิดขึ้น เป็นความเสียหายมหาศาลกว่า 5 แสนล้านบาท ยิ่งกว่านโยบายใดๆที่รัฐบาลแต่ละรัฐบาลเคยทำมา
เมื่อมีผู้นำเรื่องนี้ให้สำนักงานคณะกรรมการปราบปรามการทุจริตสอบสวน คณะกรรมการ ปปช. จึงได้สอบสวน และแต่งตั้งนายวิชา มหาคุณ หนึ่งในคณะกรรมการ ปปช. ขึ้นสอบสวน และก็พบความผิดของนางสาวยิ่งลักษณ์
ความผิดตามมาตรา 157 ของกฎหมายอาญา ที่เขียนเอาไว้ว่า
มาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งปรับทั้งจำ
เมื่อ คดีนี้ถึงอัยการ และเมื่ออัยการตัดสินใจฟ้อง ทีมกฎหมายของนางสาวยิ่งลักษณ์ก็ฟ้องอัยการว่าอัยการผิด
ผิดตามมาตราที่อัยการฟ้องนางนี่แหละ ในที่สุดศาลก็บอกว่า อัยการมีอำนาจฟ้อง จึงได้ดำเนินคดีเรื่อยมา
ระหว่างดำเนินคดี ระหว่าง เบิกความพยานโจทก์ พยานจำเลย ฝ่ายของนางก็สู้นอกศาล ให้ประชาชนเข้าใจว่า รัฐบาลดำเนินนโยบายตามที่ประกาศไว้ กลับถูกดำเนินคดีด้วย เว้ยเฮ้ย บ้านนี้เมืองนี้ ต่อไปจะมีรัฐบาลที่ไหนวะช่วยคนจน หรือไม่ก็ย้ำแล้วย้ำอีกว่า จำนำข้าว กับจำนำยุ้งฉาง ต่างกันตรงไหน เอาเงินไปจำนำข้าวยังได้ข้าว แต่เอาเงินแจกคนจน ไม่ได้อะไรเลย คนจำนำข้าวผิดเว้ยเฮ้ย
จนวันที่ศาลนัดอ่านคำพิพากษาแล้ว. ทีมทนายของนางก็ร้องขึ้นมาอีกว่า กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองขัดกับรัฐธรรมนูญ ร้องให้ศาลส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา
ศาลบอกไม่ขัด และไม่ส่ง !
ดูเอาเถอะ. นี่คือการต่อสู้คดีของทีมกฎหมายของนาง
ส่วนนางสาวยิ่งลักษณ์ ก็บอกกับประชาชนว่า ดิฉันไม่ได้ ทุจริต ดิฉันไม่ได้ทำอะไรเลย
คุณเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการข้าว เขาร้อง เขาเตือนว่ามีการทุจริต แทนที่คุณจะระงับยับยั้ง แต่บอกว่า ดิฉัน ไม่ได้ทำอะไรเลย นั่นแหละเท่ากับสารภาพผิดว่า ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริต !
การเน้นเอาเสียงเชียร์ จากประชาชนนั่นคงจะได้จากตัวอย่างที่ ทักษิณเคยใช้ในการต่อสู้คดีซุกหุ้น ซึ่งทำเอาตุลาการบางท่านหวั่นไหวมาแล้ว ถึงกับออกปากว่า "มีประชาชนเลือกเขามาเป็นล้านๆนะ"
ซึ่งขัดกับความคิดของ ตุลาการทั้งหลาย ที่จะพิจารณาคดีใดคดีหนึ่ง ที่พยานหลักฐาน ตัวบทกฎหมาย เป็นสำคัญ ไม่ได้สนใจว่า จำเลย หรือ ผู้ถูกกล่าวหาจะเป็นใคร มีเสียงเชียร์ เสียงสนับสนุน มีลูกหาบลูกหามกี่คน
วันที่ 25 สิงหาคม นี้ ก็จะรู้จะเห็นกันแล้วครับ ผลของคดีจะเป็นอย่างไร. ?
สำเริง คำพะอุ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี