1.
เมื่อไม่นานมานี้...คุณทักษิณโพสต์เฟซบุ๊คสรรเสริญคุณงามความดีของตัวเองแล้วก็โอดครวญว่าคนดีอย่างเขาถูกรังแกให้จากบ้านจากเมืองไปทุกข์ทรมานถึง 11 ปี ก็มีทั้งคนด่าและคนอวยเขา วลีที่คนอวยเหยียดหยันคนไม่อวยว่า “ก้าวไม่ข้ามทักษิณ” ก็กลับมาอีก ส่วนเขานั้นก้าวพ้นทักษิณไปนานแระ (แต่ห้ามแตะทักษิณเชียวมึง!)
ผมเขียนถึงคุณทักษิณ รวมทั้งคนอวยและไม่อวยเขาก็เพราะเชื่อว่าอีกไม่นานคุณทักษิณก็จะเขียนอะไรทำนองนี้ออกมาอีก และก็จะมีการก่นด่าเหยียดหยามและทะเลาะกันอีก
ผมไม่เห็นประโยชน์อะไรเลย...ของการก้าวข้ามหรือก้าวไม่ข้ามคุณทักษิณ สิ่งที่ก้าวข้ามแล้วจะเป็นประโยชน์ก็คือ “ก้าวข้ามมายาคติที่ตัวเองสร้างและคนอื่นสร้างขึ้น ว่าเรื่องนั้นเป็นอย่างนี้ เรื่องนี้เป็นอย่างนั้น แล้วก็คิดว่ามันเป็นความจริงทั้งที่คนส่วนมากก็ไม่รู้ว่าอะไรจริงหรืออะไรไม่จริง แต่สมัครใจเชื่อไปตามคติและอคติของตน”
ดีกว่านั้นก็คือ “ก้าวข้ามลัทธิ – อุดมการณ์” ที่ครอบหัวเราไว้ให้เป็นเพียงร่างทรงของมัน
เราต่างก็หลงละเมอเพ้อพกเอาว่าลัทธินั้นอุดมการณ์นี้จะแก้ปัญหาสารพัดของมนุษย์ได้ มันจะปลดเปลื้องความไม่เป็นธรรมในสังคมและสร้างสรรค์ความเป็นธรรมขึ้นได้ แต่ทุกลัทธิทุกอุดมการณ์ที่มีอยู่ในโลกนี้ล้วนเคยถูกนำมาใช้แล้วทั้งสิ้น
ผลเป็นอย่างไร?
เราเคยทำให้มันเป็นจริงอย่างที่มันสร้างจินตภาพให้เราฝันเพ้อไหม?
คนในโลกนี้เข่นฆ่าล้างผลาญกันล้มตายหายสูญเพื่อมันไปเท่าไหร่?
จนวันนี้ก็ยังกระเหี้ยนกระหือรือที่จะเข่นฆ่าล้างผลาญกันต่อไปอีก เพื่อจะสร้างความเป็นธรรม!
ผมไม่เคยเชื่อว่าอุดมการณ์และลัทธิใดๆในโลกนี้จะสามารถสร้างความเป็นธรรม - สร้างสังคมที่สันติสุขขึ้นมาได้ โดยเฉพาะจะต้องเข่นฆ่าทำลายล้างฝ่ายตรงข้าม ผมกลับเห็นว่ามันมีแต่จะสร้างความไม่เป็นธรรมและกลียุคให้แผ่ขยายมากขึ้นไม่รู้จบ
ผมเชื่อว่าถ้าเรา “ปลดปล่อย” ตัวเองออกจากลัทธิ - อุดมการณ์ได้เมื่อไหร่ เมื่อนั้นเราจะตาสว่างอย่างแท้จริง
เมื่อนั้นเราจะมีอิสรภาพอย่างแท้จริง
ผมเชื่อใน “มนุษยธรรม”...ผมเชื่อว่าแค่มนุษย์มี “น้ำใจ” ต่อกันโลกนี้ก็มีสันติสุขแล้ว
เพราะมนุษยธรรมเป็นเรื่องของมนุษย์กับมนุษย์โดยตรง ไม่ต้องผ่านความเชื่อในลัทธิ – อุดมการณ์แต่อย่างใด (ใครไม่เชื่อก็เข่นฆ่าล้างผลาญกันต่อไป)
2.
กล่าวอย่างเป็นปรัชญาก็คือ...มนุษย์อยู่บนโลก อาศัยโลกกินอยู่หลับนอนและทำกิจกรรมต่างๆ พร้อมกันนั้นมนุษย์ก็ "สร้างโลกของตนเอง" ขึ้นมาด้วย เป็นโลกที่สร้างจากความคิดและความเชื่อทั่วไป รวมทั้งที่เป็น “ชุดความคิด” หรือ “วาทกรรม” อย่างลัทธิ – อุดมการณ์ต่างๆ ตั้งแต่ยุคชนเผ่าจนมาถึงยุคปัจจุบัน
ความคิดและความเชื่อดังกล่าวเกิดจากจิตหรือจิตสร้างขึ้น ผู้รู้จึงเรียกมันว่า “มโนทัศน์” ถ้าจิตมี “อวิชชา” ก็ย่อมสร้างมโนทัศน์ที่ผิดและเป็นอันตรายแก่มนุษย์ ถ้าจิตมี “วิชชา”ก็สร้างมโนทัศน์ที่ถูกต้องและเป็นคุณประโยชน์แก่มนุษย์
ปัญหาทั้งหลายในโลกนี้ อย่างการทำลายล้างโลกเพราะต้องการทรัพยากรธรรมชาติ แม้กระทั่งการทำลายล้างเข่นฆ่ากันเองของมนุษย์ การทำสงครามน้อยใหญ่อยู่ทั่วโลกก็เกิดจากมโนทัศน์ทั้งนั้น
นี่ประชาธิปไตย นั่นลิเบอรัล โน่นมาร์กซิสม์ โน้นอนุรักษนิยม และยังแยกย่อยออกไปอีกสารพัดตามแต่มนุษย์จะ “มโน” เอาตามกิเลสตัณหาของตน และต่างก็เชื่อว่ามโนทัศน์ของตนถูกต้อง มีคุณประโยชน์แก่มนุษยชาติจริง
มโนทัศน์ต่างกันก็เป็นศัตรูกัน เข่นฆ่าทำลายล้างกัน โดยใช้มนุษย์เป็นเครื่องมือ
ถ้าเหมือนกันก็เป็นพวก-เป็นฝ่ายเดียวกัน ก็ใช้มนุษย์เป็นเครื่องมือเช่นกัน
มโนทัศน์จึงเหมือน “ นายเหนือหัว” ของชีวิตเรา ขณะเดียวกันมันก็เป็น “คอกขัง” ชีวิตเราให้จงรักภักดีอยู่กับมันด้วย เพราะมันทำให้เรารู้สึกมั่นคง เป็นคนสำคัญ มีหลักการ มีเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ในชีวิตผมจึงไม่เห็นประโยชน์ของมโนทัศน์...และไม่หวังว่ามันจะนำพามนุษยชาติไปสู่สันติสุข ทั้งเฉพาะตัวบุคคลและสังคม ดังที่มันสัญญากับเราไว้
มนุษย์สร้างมโนทัศน์ขึ้น แล้วก็ใช้มันครอบงำตนเอง เป็นข้าทาสของมัน แต่กลับหลงคิดว่ามันเป็นข้าทาสของตน...ที่จะนำพาตนและสังคมมนุษย์ไปสู่สันติสุขได้
การแตกแยก การเข่นฆ่าทำลายล้างกันจะไม่มีวันสิ้นสุด ถ้ามนุษย์ไม่รู้จักมโนทัศน์ว่าเป็นอย่างไร เกิดขึ้นมาได้อย่างไร และจัดการกับมันอย่างถูกต้อง หรือถอนตัวออกจากมันแล้วกลับมาอยู่กับ "ความเป็นมนุษย์และมนุษย์ด้วยกัน"
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี