พุทธศาสนากล่าวไว้ว่า “คนไม่ถูกนินทาไม่มีเลยในโลกนี้” ทำนองเดียวกันคนไม่ได้รับการสรรเสริญเลยก็ไม่มี ดังนั้นการนินทาและสรรเสริญจึงเป็นธรรมดาของโลก เป็นธรรมชาติของคน พระปฏิมาหรือแม้แต่พระพุทธเจ้าก็ยังถูกติฉินนินทาเลย
ศาสนาของพระองค์ก็ถูกคนไทยโจมตีว่าเป็น “ยาเสพติด” มาจนวันนี้ (ส่วนคนที่โจมตีนั้นก็ไม่ทราบว่าเสพติดลัทธิ-อุดมการณ์การเมืองใดหรือไม่ จึงได้แต่อมน้ำลายเขามาพ่นอย่างอวดรู้ แต่เชื่อว่าไม่ได้ศึกษาพุทธศาสนาแน่)
ผมขอพูดเรื่องนินทาแล้วกัน (แล้วการสรรเสริญจะตามเองเมื่อท่านอ่านบทความนี้จบลง)
การนินทาที่สะเทือนสังคมก็ย่อมเป็นการนินทาคนที่มีอำนาจ มีบารมี มีชื่อเสียง จริงมั่งมั่วมั่งก็ว่ากันไปตามปากที่นำความสนุกมาให้คนนินทา ยิ่งการนินทาที่เป้าหมายทางการเมืองและอำนาจด้วยแล้วก็ยิ่งเป็นมากกว่าแค่สนุกปาก แต่หมายมุ่งจะทำลายล้างกันเลย ดังนั้นการนินทาดังกล่าวนี้จะต้อง “สร้างเรื่องเท็จ” ให้น่าเชื่อถือบ้าง หาเรื่องสารพัดเพื่อโจมตีบ้าง ส่วนคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย แต่มันถูกกับจริตหรืออนุสัยของตนก็ก่นด่านำหน้าไปก่อนแล้ว แถมยังร้องแรกแหกกระเชอให้คนช่วยด่าตามด้วย โดยไม่ต้องศึกษาหาความจริงอะไร
การนินทาที่สะเทือนเลื่อนลั่นสะท้านใจคนไทยส่วนมากก็มีอยู่หลายเรื่อง แต่เรื่องนี้ผมจะเขียนถึงต่อไปนี้
แม้วันนี้ก็ยังถูกกระพือไม่เลิก เพราะมันถูกใช้เป็นการเมือง
เมื่อต้นเดือนนี้ ผมเปิดยูทูปเพื่อหาคำสอนของพระอริยสงฆ์ฟังเพื่อผ่อนคลาย ก็บังเอิญได้พบเรื่องเล่าของ “พระราชพรหมยาน” มีข้อความน่าสนใจจึงพยายามถ่ายทอดเป็นตัวหนังสือและจัดย่อหน้าให้อ่านได้ง่ายขึ้น
เรื่องของ “พระอริยสงฆ์กับพระอริยบุคคล” นี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 40 ปีมาแล้ว
พระราชพรหมยาน (วีระ ถาวโร) หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ เป็นพระภิกษุในพุทธศาสนานิกายเถรวาท ฝ่ายมหานิกาย เจ้าอาวาสวัดท่าซุง ...ได้เทศนาแก่ญาติโยมว่า “คนไม่ถูกนินทาในโลกนี้ไม่มีเลย”
หลวงปู่ได้ยกตัวอย่างในหลวงรัชกาลที่ 9 ว่า “แม้ว่าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะมีพระกรุณาธิคุณแก่ประชานิกรของพระองค์เพียงใดก็ตาม พระราชจริยาวัตรของพระองค์ก็ย่อมไม่เป็นที่ถูกใจของบุคคลบางพวกบางคณะ...”
ท่านได้เล่าว่า “ครั้งหนึ่งอาตมาได้เข้าเฝ้าในหลวงเป็นการส่วนพระองค์ ได้ปรารภกับพระองค์ถึงภารกิจที่อามตามาทำว่า การทำการสงเคราะห์แก่ปวงชนชาวไทย ตามกำลังที่จะรวบรวมได้จากบรรดาคณะศิษยานุศิษย์ ทำการเกณฑ์อาหาร การบริโภค ยารักษาโรค สร้างโรงเรียนตั้งแต่ภาคเหนือจดภาคใต้ แต่การกระทำแบบนี้กลับมีคนว่ามาอาตมาเป็นพระการเมือง”
ในหลวงตรัสว่า “ผมก็ทราบเหมือนกัน ที่เขาว่าหลวงพ่อเป็นพระการเมือง...หลวงพ่อรู้สึกอย่างไรขอรับ?”
อาตมาถวายพระพรว่า “อาตมาไม่มีความรู้สึกอะไร เพราะถือว่าอาตมาไม่เคยสมัครสภาผู้แทนราษฎร และไม่เคยอยากเป็นรัฐมนตรี เขาจะหาว่าการเมืองหรือการบ้านก็ช่าง ถือว่าเฉยๆ ถือตามหลักของพระพุทธเจ้าที่ว่าการนินทาและสรรเสริญเป็นของธรรมดาโลก อาตมาไม่หนักใจในคำนินทาและสรรเสริญ เพราะไม่มีความสงสัย”
ในหลวงตรัสว่า “ผมก็เหมือนกันขอรับ เมื่อก่อนนี้เขาลือว่าผมฆ่าพี่ แต่เวลานี้เขาลือกันว่าผมฆ่าพ่อตา”
หลวงปู่ขอให้ในหลวงขยายความ เพราะท่านไม่ทราบเรื่องดังกล่าวนี้
ในหลวงตรัสว่า “เขาลือว่าพ่อตาของผมเป็นไข้ ผมเอาเหล้ากรอกปากแล้วพาไปวิ่ง พ่อตาก็เลยตาย”
หลวงปู่ถามว่า “แล้วมหาบพิตรรู้สึกอย่างไร ในเมื่อคำนินทาปรากฏขึ้น”
พระองค์ตรัสว่า “เรื่อยๆขอรับ”
หลวงปู่อธิบายแก่ญาติโยมว่า “หมายความว่าใครจะว่าอย่างไรก็ช่าง ความดีหรือความชั่วจะมีขึ้นได้ก็อาศัยการกระทำเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อเราทำความดีแล้วใครจะนินทาว่าเราชั่ว เราก็ไม่ชั่วไปตาม ถ้าเราทำความชั่ว ใครสรรเสริญว่าดี เราก็ไม่ดีไปตาม นี้เป็นอันว่าน้ำพระทัยของพระองค์ไม่ทรงสะเทือนไปในคำนินทาและสรรเสริญ ทรงอุเบกขาเป็นอย่างยิ่ง ฉะนั้นถ้าหากอาตมาจะถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯให้ทรงอยู่พรหมวิหารสี่ก็เห็นว่าจะไม่มีผล เพราะว่าพระองค์มีอยู่เรียบร้อยแล้วทุกประการ”
พอฟังเรื่องนี้จบ ผมก็คิดถึง ดร. สมศักดิ์ เจียมธีรสกุลขึ้นมาทันที!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี