“ตรอกโรงภาษี” หรือซอยเจริญกรุง 36 แต่เดิมเคยคือชุมชน “บ้านต้นสำโรง” ของชาวมุสลิม รวมทั้งมีมัสยิดหลังหนึ่งสร้างด้วยไม้เรียกว่า “มัสยิดต้นสำโรง” อันเป็นต้นกำเนิดของ มัสยิดฮารูณ ซึ่งเป็นชุมชนมุสลิมอินโดนีเซียเชื้อสายอาหรับ เดิมทีอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ต่อมาปี พ.ศ.2433 ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงขอพื้นที่ดังกล่าว โดยแลกกับพื้นที่ด้านหลัง ซึ่งเป็นที่ตั้งของมัสยิดและชุมชนฮารูณในปัจจุบัน เพื่อใช้ที่ริมน้ำทำเป็น “โรงภาษีร้อยชักสาม” และต่อมากลายมาเป็น “สถานีดับเพลิงบางรัก”
โรงภาษีร้อยชักสามหรือศุลกสถาน เกิดหลังจากการทำสนธิสัญญาเบาว์ริ่งในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทำให้มีการเก็บค่าธรรมเนียมภาษีปากเรือ ซึ่งเรียกเก็บจากเรือสินค้าของชาวต่างประเทศที่เข้ามาจอดตามท่า เป็นภาษีสินค้าขาเข้าเรียก“ภาษีร้อยชักสาม” จึงเรียกตรอกนี้ว่า “ตรอกโรงภาษี”
ในซอยนี้ยังเป็นที่ตั้งสถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย มาตั้งแต่ พ.ศ. 2400 เมื่อนายมองตันยี กงสุลฝรั่งเศส ได้เช่าพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณนี้ ขนาดประมาณ 4 ไร่ ต่อมาในวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ.2418 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานที่ดินผืนนี้ให้แก่รัฐบาลฝรั่งเศส และได้รับเอกสารกรรมสิทธิ์ ในปี พ.ศ.2468
บริเวณตรงกันข้ามกับสถานทูตฝรั่งเศสมีร้านอาหารเก่าแก่ บรรยากาศร้านแม้จะไม่ได้ดูหรูหราโอ่อ่า เป็นห้องปรับอากาศขนาดไม่ใหญ่นัก แต่รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นสบายตาด้วยซุ้มเถาองุ่นที่โชว์พวงองุ่นตามฤดูกาล ตกแต่งภายในร้านเรียบง่าย ด้วยการเน้นโทนเขียว-ขาว ไม้กระถาง โคมไฟแบบคลาสสิกให้แสงไม่เจิดจ้ามาก ดูมีรสนิยม บริการอาหารฮาลาลแท้ๆ ตามหลักศาสนาอิสลามมานาน อาหารฮาลาลของที่นี่ได้รับการปรับแต่งรสชาติให้ถูกปากนักกินชาวไทย ประการสำคัญอาหารของที่นี่ทุกจานปรุงแบบไม่ใส่ผงชูรส หรือสารผสมอาหารใดๆ และยังเลือกใช้น้ำมันและเครื่องเทศอย่างดี ที่ต้องส่งตรงมาจากประเทศอินเดีย
ข้าวหมก (Biryani) อร่อยเป็นที่เลื่องลือเป็นเมนูเด่นของที่นี่ จะสั่งเป็นข้าวหมกไก่ ข้าวหมกปลา หรือข้าวหมกแพะข้าวหุงกับหญ้าฝรั่น (Saffron) สีเหลืองอ่อน กรุ่นกลิ่นหอมของหญ้าฝรั่นราคาแพง กิโลกรัมละเป็นแสน ร้านทั่วๆ ไปจะหุงกับขมิ้นจะมีสีเข้ม กลิ่นคนละประเภท เมื่อหุงแล้วโรยหอมเจียวพร้อมน้ำจิ้มรสจัด รวมทั้งแตงหั่น ต้นหอม ราคาจานละ 40 บาท จึงไม่แพงเลยเมื่อเทียบกับราคาวัตถุดิบ บางคนสั่งแกงแห้งที่มีหลายแกงมากินกับข้าวนี้ ยิ่งเพิ่มรสชาติได้ถูกปากยิ่งขึ้น
ยังมีข้าวหมกชนิดต่างๆ ได้แก่ ข้าวหมกไก่ ข้าวหมกปลา ข้าวหมกกุ้งฯลฯ สามารถสั่งได้ตามแต่ใจชอบ
น้ำจิ้ม ต้นหอมและแตงกวา
โรตีเนื้อละเมียด ไม่ได้มีเพียงแค่ข้าวหมกพร้อมน้ำจิ้มเด็ดสำหรับกินกับแกง แต่ยังมีโรตีเนื้อนุ่มเหนียวกำลังดี ปิ้งมาให้จิ้มกินกับแกงต่างๆ ให้ได้บรรยากาศอาหารมุสลิม
ซาโมซ่า ของว่างอีกหนึ่งชนิดอันเป็นเอกลักษณ์ของอาหารมุสลิมอินเดีย แผ่นแป้งบางห่อไส้พับเป็นรูปสามเหลี่ยม มีไส้หลากหลายชนิดให้เลือก เนื้อ ไก่ หรือผัก ทอดจนแป้งกรอบแต่ไส้ข้างในหอมเครื่องเทศเนื้อนุ่มกินเปล่าๆ หรือจิ้มน้ำจิ้มที่ให้มาก็ให้ความรู้สึกการเรียกน้ำย่อยชวนหิว
ซุปหางวัว หางวัวหั่นท่อนได้รับการต้มเคี่ยวอย่างยาวนาน กว่าหนังจะย้วยนุ่มปานวุ้น เนื้อก็เปื่อยแทบจะหลุดจากแกนกระดูก หวานน้ำซุปที่บรรจงเคี่ยวจนใสแจ๋ว
ซุปไก่ เช่นเดียวกับซุปเนื้อ ที่ตุ๋นได้หวานใสมีรสมีชาติรัญจวนลิ้น
ซุปผัก ใช้ผักหลายชนิด หอมหัวใหญ่ แครอท มะเขือเทศ มันฝรั่ง ฯลฯ ต้มผสมกันจนได้รสหวานจากนานาผัก ซดกินชื่นใจนัก
ปลาอินทรีหมักเครื่องเทศ ปลาอินทรีหั่นขวางเป็นวง หมักกับเครื่องเทศตามสูตรของร้าน แล้วเอามาทอดให้เกรียมเล็กน้อย กินกับอาจาดหรือพริกน้ำส้ม เป็นปลาทอดอีกรสชาติที่อาจจะไม่ค่อยคุ้นเคย ทอดชนิดที่เนื้อปลาไม่แห้งแล้ง หอมฉ่ำละไม
แกงกะหรี่ปลาอินทรี แกงกะหรี่ที่กลิ่นรสแตกต่างจากแกงกะหรี่แบบไทยที่เราคุ้นเคย แซมรสเปรี้ยวด้วยน้ำมะขามและกระเจี๊ยบเขียว ทำให้ลดองศาของความมันเลี่ยนได้อย่างดี
แกงมาซาล่าเนื้อ มาซาล่า (Masala, Massala) เป็นเครื่องปรุงรสหรือเครื่องเทศอย่างหนึ่ง ที่ใช้ในการปรุงอาหารอินเดีย รวมถึงอาหารอื่นๆ ในภูมิภาคเดียวกัน โดยคำว่า “มาซาลา” หรือ “มัสซาลา” เป็นภาษาเอเชียใต้ หมายถึง “เครื่องเทศผสม” คือเครื่องเทศหลายชนิดปรุงกลิ่นเป็น ตัวตั้งต้นของอาหารอินเดียทั้งหลาย ไม่ได้มีรสเผ็ดจัดแบบพริกขี้หนู หากแต่มีความหอมจัดจ้านด้วยเครื่องเทศหลากหลายชนิด บ้างก็ผสมส่วนผสมอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น กระเทียม ขิง และหัวหอม เป็นต้นที่อินเดียใช้มาซาล่าเป็นส่วนประกอบพื้นฐานในการปรุงรสอาหาร เพื่อเพิ่มรสชาติและกลิ่นหอมให้กับอาหาร เช่น กระวาน, กานพลู, ขมิ้น, ยี่หร่า, หญ้าฝรั่น, อบเชย, พริก, เม็ดพริกไทย หรืออื่นๆ อีกหลากหลายเพราะมาซาล่ามีความหลากหลายกันออกไปอีกนับร้อยสูตร
อาหารมีส่วนผสมของมาซาล่าที่เราคุ้นเคย เช่น แกงมัสมั่น แกงฮังเลไก่ย่างเทนดูรี สตูลิ้นวัว เนื้อสะเต๊ะ แกงถั่ว ฯลฯแกงมาซาล่าเนื้อของร้านนี้เคี่ยวเนื้อจนนุ่ม แกงกับนมเปรี้ยวและเครื่องเทศดังกล่าว มีกลิ่นหอมยั่วจมูกกินกับข้าวหมกหรือตีได้เข้ากันเป็นอย่างดี
แกงมาซาล่าแพะ วิธีแกงก็ทำแบบเดียวกับแกงมาซาล่าเนื้อ เครื่องแกงดับกลิ่นสาบแพะได้โดยสิ้นเชิง ต่างกันที่เนื้อแพะนั้นนุ่มละเอียดกว่าเนื้อวัว ทำให้เคี้ยวได้ออกรสออกชาติยิ่งกว่า
แกงกาเลียซี่โครงแพะ เนื้อซี่โครงติดกระดูกถูกสับเป็นชิ้นไม่ใหญ่ ต้มเคี่ยวจนเนื้อและเอ็นเปื่อยจนแทบล่อนจากกระดูก ถูกแกงจนเข้าเนื้อจวนแห้ง บรรจงดูดแทะกินได้รสเข้มลึก เช่นเดียวกับแกงเนื้อแพะ ไร้ซึ่งกลิ่นสาบแพะโดยสิ้นเชิง
ชาเย็น การชงชาแบบอินเดียเป็นอีกแบบต่างจากการชงชาของชนชาติอื่น ได้กลิ่นชาชัดเจน รสหวานมันเข้มข้นอันเป็นเอกลักษณ์ ดื่มแล้วชื่นใจดีนัก
เครื่องดื่มอื่นที่ชวนสั่งมาดื่มอีก อาทิ น้ำมะนาวปั่นสะระแหน่ เป็นน้ำมะนาวคั้นสดปั่นกับใบสะระแหน่ ดื่มแล้วเปรี้ยวจี๊ดจ๊าดชื่นใจ และอีกหนึ่งเมนูเครื่องดื่มที่น่าลองลิ้มก็คือ รัซซี่ เป็นนมเปรี้ยวนำมาปั่นกับน้ำแข็ง ดื่มแล้วได้รสชาตินมเปรี้ยวที่เย็นฉ่ำใจ
อาหารฮาลาลรสดี ที่ถูกปากนักกินชาวไทยกันที่ร้าน “โฮมคูซีน” (Home Cuisine) เป็นร้านที่บริการอาหารฮาลาลแท้ๆ ทำตามหลักศาสนาอิสลามมานานปี ซึ่งอาหารฮาลาลของที่นี่มีการปรับแต่งรสชาติให้ถูกปากนักกินชาวไทยด้วย และที่สำคัญอาหารของที่นี่ทุกจานปรุงแบบไม่ใส่ผงชูรส หรือสารผสมอาหารใดๆ และยังเลือกใช้น้ำมันและเครื่องเทศอย่างดี ที่ต้องส่งตรงมาจากประเทศอินเดียกันเลย นอกจากนี้แล้วก็ยังมีเมนูอาหารฮาลาลอย่างอื่นที่ชวนกินอีกมากมาย อาทิ แกงถั่ว,แกงผัก, สลัดแขก ฯลฯ และที่ร้านนี้นอกจากจะมีอาหารฮาลาลรสดีขายแล้ว ที่นี่ยังมีอาหารไทยบริการด้วยซึ่งก็มีรสชาติที่ชวนกินไม่แพ้กัน แนะนำแกงเขียวหวานเนื้อ กินกับโรตี แกงมัสมั่น พะแนงเนื้อ ที่แกงได้อย่างเลิศรส ต้มยำ ผัดกะเพรา โดยแม่ครัวฝีมือฉมัง
Home Cuisine
186 เจริญกรุง 36
แขวงบางรัก เขตบางรัก
กรุงเทพมหานคร 10500
เปิดบริการทุกวัน วันจันทร์-วันเสาร์
ตั้งแต่ 11.00-21.30 น.
และวันอาทิตย์ ตั้งแต่ 18.00-21.30 น.
โทร : 02-2347911
facebook: อิสลามโฮมควิซีน
email: islamicrestaurant@hotmail.com
หมายเหตุ มีที่ละหมาด
ภาพถ่าย แพรไพลิน
แผนที่ มูฮัมหมัด พันธ์โพธิ์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี