จะรัฐบาลไหน รัฐบาลแบบใด แบบเผด็จการหรือแบบเลือกตั้ง ก็ล้วนแต่ป่าวประกาศว่าจะทำให้ประเทศชาติพัฒนา ประชาชนอยู่ดีมีสุข มีกินมีใช้ บางคนเพ้อเจ้อถึงขนาดว่าจะทำให้ประชาชนทุกคนร่ำรวย!
แต่ทุกอย่างทุกเรื่องที่พวกเขาทำก็ล้วนแต่ต้องใช้เงิน และเงินนั้นก็ไม่ใช่ว่าพวกเขาหาได้เอง แต่เป็นเงินที่เอามาจากประชาชน ที่เรียกว่า “ภาษี”
พวกนักการเมือง...ไม่ว่าจะมาจากการยึดอำนาจหรือการเลือกตั้ง ก็ล้วนแต่เข้ามาใช้เงินภาษีของประชาชนทั้งนั้น เข้ามาใช้ทำอะไรบ้างเราก็รู้ๆเห็นๆกันอยู่ หลายเรื่องจำเป็นสำหรับประชาชน หลายเรื่องจำเป็นสำหรับพัฒนาประเทศ หลายเรื่อง
จำเป็นสำหรับพวกเขา และทุกเรื่องใช้อย่างสุรุ่ยสุร่าย ตำน้ำพริกละลายแม่ ขี่ช้างจับตั๊กแตน และโกง!
ทุกรัฐบาลนั้นเหมือนกัน ใช้เงินจนหมด...หันไปหันมาหาเงินไม่ได้ ก็หันมาขึ้นภาษีและกู้
ในสมัยรัฐบาลทักษิณก็เคยจะขึ้น VAT แต่โดนคัดค้านจึงเงียบไป แล้วก็หันไปขึ้นภาษีสุรากับยาสูบส่วนรัฐบาล คสช. ก็เคยขอขึ้น VAT 1 เปอร์เซ็นต์เหมือนกัน แต่ก็โดนประชาชนคัดค้าน จึงหันไปขึ้นภาษีเหล้าและยาสูบอีกครั้ง เป็นครั้งที่ 2 ของรัฐบาลนี้
แน่นอน มันหมูในอวย หาคนคัดค้านน้อย เพราะมันเป็น “ภาษีบาป” ไม่กระทบต่อคนส่วนใหญ่มากนัก
ภาษีรถยนต์รัฐบาลนี้ก็ขึ้นมาแล้ว ทำให้ราคารถยนต์สูงขึ้นไปอีก ทั้งที่ก่อนขึ้นภาษีมันก็สูงอยู่แล้ว กว่า 300 เปอร์เซ็นต์มาหลายปีดีดัก สูงชนิดที่ว่ากว่าครอบครัวใดจะมีรถยนต์สักคนก็ต้องทำงานกันตัวเป็นเกลียว ผ่อนกันยาวเหยียด 6-7 ปี แม้รถเก่าโทรมก็ยังผ่อนไม่หมด โดนยึดไปก็มาก พวกเขายอมเหนื่อยยากบากบั่นเพื่อแลกกับความสะดวกสบายกว่าการใช้บริการของรัฐ
การเก็บภาษีรถยนต์สูง ราคาขายรถยนต์ก็สูงตาม คุณภาพวัสดุก็ไม่ได้มาตรฐานเสียส่วนมาก คนมีเงินไม่เป็นปัญหา นำเข้ารถยุโรปคุณภาพเยี่ยมได้
แต่คนที่ต้องผ่อนทั้งบ้านทั้งรถนั้นไม่มีความสุขแน่ แม้รัฐบาลนี้ประกาศว่ามาเสมอว่า “จะคืนความสุขให้ประชาชน”
ใช้บริการของรัฐก็ไม่มีความสุข ซื้อรถเองก็ไม่มีความสุข เพราะรถแพงและต้องผ่อนนานมาก
(อย่าบอกว่าไม่มีเงินก็ไม่ต้องซื้อสิ!)
คนที่เหนื่อยมากขึ้นไปอีกก็คือคนไม่มีเงินซื้อรถ คนหาเช้ากินค่ำที่ต้องดิ้นรนหาปากกัดตีนถีบกันเอง แต่ต้องเสีย VAT เท่ากับคนมีเงิน
VAT นั้นหากดูที่เปอร์เซ็นต์แล้วก็เห็นว่ามันยุติธรรมดี ทุกคนจ่าย 7 เปอร์เซ็นต์เท่ากัน แต่ความเป็นจริงมันเป็นเรื่องอยุติธรรม เรื่องนี้มีข้อมูลอยู่แล้ว ถามกูเกิ้ลได้
ทุกรัฐบาลคิดเป็นแต่ขึ้นภาษีและกู้ เหมือนจะไม่มีวันจบสิ้น ด้วยเหตุผลเพื่อพัฒนาประเทศ แต่การพัฒนาประเทศ
หรือกระทั่ง “ปฏิรูประเทศ” นั้นจำเป็นต้องใช้เงินมหาศาลงั้นหรือ?
แต่ถึงจะต้องใช้เงินมหาศาลจริง แต่หาก “จัดการ” กับปัญหาที่ “ต้นเหตุ” อย่างจริงจัง ผมก็เชื่อว่าจะมีเงินเหลืออีกมหาศาล
นั่นคือ 1. เข้มงวดตรวจตรารัฐวิสาหกิจที่มีหน้าที่ให้บริการแก่ประชาชนและหาเงินเข้ารัฐ แต่เอาเข้าจริงกลับขาดทุนบ้าง ได้กำไรเล็กน้อยบ้าง ทั้งที่เก็บค่าบริการสูงลิบลิ่ว ทำไม?
2. ค่าใช้จ่ายภาครัฐนั้นหมดไปกับ “เงินเดือน” และเงินสารพัดของข้าราชการและพนักงาน รวมแล้วก็ราวๆ 65 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลือเป็นเงิน “พัฒนาประเทศ” และเงินพัฒนาประเทศก็หนีไม่พ้น “การจัดซื้อจัดจ้างและจัดทำโครงการต่างๆ” ซึ่งเคยมีงานวิจัยพบว่ามันหายไปทั้งใต้โต๊ะ บนโต๊ะ หรือหลังบ้านอีกราวๆเกือบครึ่งของเงินส่วนนี้!
3. ประเทศนี้มีข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐโดยรวมแล้วมากเกินไป มีตำแหน่งที่กินเงินเดือนสูงๆและซ้ำซ้อนมากเกินไป ขณะที่บางหน่วยงานคนขาด บางหน่วยงานคนเหลือล้น ยิ่งใน “องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” ยิ่งเยอะ...เยอะทั้งการใช้เงิน เยอะทั้งคน ใครอยู่ใกล้หน่วยงานไหนก็ลองดูหน่วยงานนั้นว่าวันๆพวกเขาทำอะไรกัน
การใช้จ่ายของรัฐบาลกับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นก็เหมือนๆกัน คือเงินมันหายไปเยอะมาก ดังนั้น แทนที่จะคิดแต่ขึ้นภาษีและกู้ ก็ควรหันกลับมาดูปัญหาที่แท้จริงที่ทำให้เงินไม่พอใช้จ่าย ดังที่ผมเขียนไว้ข้างบนนี้
การพัฒนาประเทศที่สำคัญคือ “การพัฒนาศักยภาพและคุณธรรมของคน” ไม่ใช่ตั้งหน้าตั้งตาแต่พัฒนาทางวัตถุ ถ้าประเทศนี้มีแต่การคอรัปชั่นเพราะคนไม่ได้พัฒนาด้านจิตใจ และจำนวนคนในภาครัฐกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นโดยรวมยังมีมากกว่างาน รวมทั้งพวกเช้าชามเย็นชาม จะขึ้นภาษีและกู้อีกเท่าไหร่ก็ไม่พอหรอก
คอยดูรัฐบาลต่อไปก็จะมาแบบเดียวกันอีก คือ เก่งแต่เอาเนื้อหมาไปปะเนื้อช้าง แล้วก็พล่ามว่าจะทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี มีความสุข
แต่คนมีความสุขจริงในประเทศนี้มีไม่กี่เปอร์เซ็นต์หรอก ที่เห็นๆก็คือพวกเศรษฐีกับพวกคนที่ใช้เงินภาษีและเงินกู้นั่นแหละ
ความสุขของคนพวกนี้ต้องมาก่อน.
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี