กรณีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หนีไม่ไปฟังคำพิพากษาศาล มีประเด็นให้ผู้คนนำไปพูดกันมากมายหลายเรื่อง ตั้งแต่เรื่องโรคในหู ไปจนถึงเรื่องโลกย์ในหอ ตั้งแต่เรื่องหยัดตรงดั่งปลายทวน ไปจนถึงเรื่องหนีคือสุดยอดกลยุทธ์ และตั้งแต่เรื่องเห็นอกเห็นใจที่นางทำหน้าที่เจ๊งก็มีภัยถึงติดตะราง ไปจนถึงเรื่องเห็นอกเห็นใจว่านางเป็นชนชั้นนำมาเล่นการเมืองก็ถือว่าเสียสละแล้ว จะให้เสียสละติดคุกด้วยคงมากเกินไปหน่อย ฯลฯ
เราจะไม่ขอกล่าวถึงเรื่องกเฬวรากเหล่านั้น แต่จะกล่าวถึงเรื่อง 2 เรื่อง ที่ควรค่าแก่การคำนึงถึง
เรื่องแรก คือการแสดงออกถึงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
การหนีไปได้ของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยคนสำคัญในคดีประวัติศาสตร์ของชาติครั้งนี้ ไม่ใช่การหลบหนีคดีของจำเลยหรือผู้ต้องหาธรรมดาทั่วไป ที่จะมีเหตุผลอ้างว่าจะให้ฝ่ายความมั่นคงจับตาดูผู้ต้องหาหรือจำเลยทุกคนได้อย่างไร การหลบหนีของจำเลยคนสำคัญเช่นนี้ จะไม่ให้นักข่าวสนใจ ไม่ให้สังคมตั้งข้อสงสัย คงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ในประเทศที่จริยธรรมคือศักดิ์ศรี ผู้อยู่ในตำแหน่งหน้าที่จะรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนอย่างที่สุด เมื่อเกิดความบกพร่องนำไปสู่ความเสียหายสำคัญในหน้าที่ที่ตนรับผิดชอบ เขาจะรีบออกมาขอโทษต่อสังคมและพิจารณาตัวเอง อย่างน้อยเพื่อรักษาศักดิ์ศรีของตนไว้ ไม่ใช่ออกมาทำหน้าเหลอหลา ไม่รู้ไม่เห็น หรือต่อปากต่อคำกับผู้สื่อข่าวที่ทำตัวเหมือนหนูกลัวแมวแบบบ้านเรา เพราะท่าทีเช่นนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ประชาชนคาดหวังจากผู้นำของเขา แม้พวกเขาจะไม่ถึงขั้นเรียกร้องให้ผู้รับผิดชอบต้องพิจารณาตัวเองก็ตาม
อย่างไรก็ดี บุคคลที่ควรกล่าวถึง และยกย่องน้ำใจมากที่สุดเมื่อเกิดเหตุการณ์ครั้งนี้คือ พลเอก เฉลิมชัย สิทธิสารท ผู้บัญชาการทหารบกในฐานะเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งออกมายอมรับอย่างชายชาติทหารว่า เป็นความบกพร่องของ คสช. เพราะระยะหลังไม่ได้ติดตามนางสาวยิ่งลักษณ์อย่างใกล้ชิดเหมือนระยะแรกเนื่องจากถูกสังคมกล่าวหาว่าเป็นการข่มขู่คุกคาม พลเอกเฉลิมชัยยังได้พูดถึงข้อเท็จจริงในการทำงานของฝ่ายความมั่นคงอีกหลายเรื่อง รวมถึงคาดการณ์ความเป็นไปได้ของเหตุการณ์ในอนาคตที่อาจเกิดขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศจากการหลบหนีไปครั้งนี้ของนางสาวยิ่งลักษณ์
ท่าทีและการแสดงออกถึงความรับผิดชอบเช่นนี้แหละคือสิ่งที่สังคมต้องการ หากต่อไปเกิดความบกพร่องผิดพลาดโดยบริสุทธ์ใจเช่นนี้อีก เราก็อยากเห็นท่าทีและการแสดงออกถึงความรับผิดชอบแบบนี้อีกเช่นกัน
เรื่องที่สอง คือเฟสบุ๊คของคุณสุรนันทน์ เวชชาชีวะ ที่พูดถึงอดีตรัฐมนตรีบุญทรง เตริยาภิรมย์ เพื่อนรักในวงการเมืองของเขาที่ถูกตัดสินจำคุก 42 ปีในคดีขายข้าวแบบจีทูจีเก๊ ตอนหนึ่งคุณสุรนันทน์กล่าวว่า.....
เมื่อ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" เป็นนายกรัฐมนตรี ผมเข้ามาเป็น "เลขาธิการนายกรัฐมนตรี" หลังพ้นการตัดสิทธิ์ ปี 2555 "เพื่อน" เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ไปเยี่ยมห้องครัวเพื่อนไฟไหม้ ที่กระทรวง ยังหัวเราะกันอยู่
จน "เพื่อน" เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ผมเป็นเลขาธิการนายกฯ ได้เจอกันบ้าง แวะไปคุย เห็นเพื่อนแฟ้มเต็มโต๊ะ ยังเป็นห่วง"ใครดูให้มึง แต่ละเรื่องน่ากลัว" ผมแอบพลิกแฟ้มดู"กูมีทีม" แล้วชวนทานข้าวจากโรงอาหาร หน้าห้องสั่งมาให้ ยังคงความเป็นคนง่ายๆ ที่ผมรู้จัก ถึงแม้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงใหญ่
เวลานายกฯยิ่งลักษณ์ไปต่างประเทศ บางทีได้คุยกัน ได้ปรับทุกข์ผูกมิตรกันมากกว่าอยู่กรุงเทพฯ แต่ในแววตา "เพื่อน" มีความกังวล
ช่วงวิกฤต ผมงานหลายด้าน แต่ก็ไม่วายห่วงเพื่อน ส่งเรื่องจากทำเนียบก็คอยเตือนว่าเรื่องไปแล้วรีบจัดการ เราเป็นเพียง "เสมียน" ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางทั้งหมด แต่รู้สึกเสมอว่าเพื่อน "ไม่สบายใจ"
หลังพายุพัดผ่าน รัฐประหารไปแล้ว เคยนั่งจิบไวน์คุยกันสองคนผมถาม "มึงเล่าให้กูฟังหน่อยว่าเรื่องเป็นยังไง" ผมนับถือน้ำใจมันที่ตอบ "กูพูดไม่ได้"
เราร่ำสุราจนดึก แล้วไม่แตะเรื่องนั้นอีกเลย
ทางการเมือง บางเรื่อง "ต้องตายไปกับเรา" พูดไม่ได้ ผมเข้าใจดี และผม "เห็นใจ" เพื่อน ที่ต้องเข้าไปติดกับ "เงื่อนไข" นั้น ผมอาจจะ "โชคดี" กว่า ที่ยังรักษาความเป็นตัวของตัวเองได้ และ "เพื่อน" ไม่ "โชคดี" เท่า
ผมเชื่อในสิ่งที่คุณสุรนันทน์โพสต์ เชื่อว่าหลายคนที่ทำงานให้คุณทักษิณ หรือคุณยิ่งลักษณ์ เป็นเพียง “เสมียน” ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางทั้งหมด แม้แต่คุณบุญทรงเองก็เถอะ เพราะถ้ารู้หมดก็คงไม่ต้องมาติดคุกแบบนี้
สิ่งที่คุณบุณทรงทำได้และควรทำอย่างยิ่งตอนนี้คือ พูดสิ่งที่ตนพอรู้และคิดว่า ”กูพูดไม่ได้” นั้นออกมา เพื่อเป็นอานิสงส์แก่ประเทศชาติ
จะไปจงรักภักดีกับคนที่หนีเอาตัวรอดทิ้งพรรคพวกให้ติดคุกกันคนละ 30 กว่า 40 กว่าปีอยู่ทำไม?
ที่ผ่านมา ใครเล่าพูดว่า “พี่น้องครับ ถ้าเสียงปืนแตกนัดแรกเมื่อไร ผมจะกลับมานำพี่น้องเดินเข้ากรุงเทพฯ เอง”?
ที่ผ่านมา ใครเล่าพูดว่า “จะไม่หนีไปไหน จะสู้เต็มที่แม้มีความหวังแค่ 1% ก็ต้องสู้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์”?
ที่ผ่านมา ใครเล่าบาดเจ็บล้มตาย ถูกจับติดคุกติดตะราง ในขณะที่บางคนเดินช้อปปิ้งในห้างหรู?
พูดออกมาเถอะครับคุณบุญทรง ยังไม่สาย ถ้าอยากชดใช้ให้แผ่นดิน
ณรงค์ฤทธิ์ ศรีรัตโนภาส
สำนักที่ปรึกษาร้อยชักสาม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี