หลังเก็บตัวเงียบมานานในที่สุด นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนักโทษหนีคุกก็ออกมาเคลื่อนไหวสร้างความร้อนแรงทางการเมืองอีกครั้งหลังน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนยกฯหุ่นเชิดผู้เป็นน้องสาวหนีไม่ไปฟังคำพิพากษาของศาลในคดีโครงการรับจำนำข้าวไม่กี่วันโดยครั้งนี้อดีตนายกฯนักโทษหนีคุกยังงัดลูกไม้เดิมดีสเครดิตกระบวนการยุติธรรมเพื่อปกป้องน้องสาวและสร้างความชอบธรรมให้กับโครงการรับจำนำข้าวภายใต้จุดขาย”ทักษิณคิด ยิ่งลักษณ์”ที่มีการทุจริตอย่างมโหฬารและสร้างความเสียหายแก่ประเทศครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์
การหนีออกนอกประเทศของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ สื่อทั้งไทยและเทศต่างรายงานข่าวกันอย่างคึกโครมระบุว่า เป็นการวางแผนของ นายทักษิณ ที่นำเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวไปรับน้องสาวที่สิงคโปร์แล้วบินต่อไปยังนครดูไบ สหรัฐอาหรับอิมิเรตส์อันเป็นแหล่งกบดานของนักโทษชายแม้วมานานหลายปี
การออกมาเคลื่อนไหวของนักโทษชายแม้วครั้งนี้ถูกวิจารณ์ว่ายังคงใช้ลูกไม้แบบเดิมๆนั่นคือพยายามที่จะบ่อนทำลายกระบวนการยุติธรรมเหมือนในอดีตด้วยการอ้างแต่งเติมปรับญาคำกล่าวของ”มงแต็สกีเยอ”นักคิดและปราชญ์ชาวฝรั่งเศสยุคโบราณที่ว่า “ ไม่มีความเลวร้ายใดที่จะยิ่งไปกว่าความเลวร้ายที่ได้กระทำโดยอาศัยอำนาจตามกฏหมายหรือในนามของกระบวนการยุติธรรม”
นักโทษชายแม้ว ส่อเจตนาบิดเบือนอาศัยแนวคิดของ”มงแต็สกีเยอ”เป็นเครื่องมือฟอกขาวให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทั้งๆที่ศาลยังไม่ได้พิพากษาว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ผิดหรือถูก แต่ร้อนตัวหนี ขณะเดียวกันก็ส่อเจตนาบ่อนทำลายป้ายสีกระบวนการยุติธรรมและอำนาจตามกฏหมายว่ากลั่นแกล้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในคดีโครงการรับจำนำข้าว ทั้งๆที่คดีรับจำนำข้าวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตั้งแต่ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ขณะที่ศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเกิดขี้นเป็นครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญปี 2540 ซึ่งตลอด 20 ปีที่ผ่านมาได้พิพากษาคดีนักการเมืองมาแล้วมากมายซึ่งหลายคดีก็เป็นคุณต่อคนของระบอบแม้วและ นักโทษชายแม้ว เอง
นอกจากนี้ในคดีรับจำนำข้าวศาลเปิดโอกาสให้คู่ความทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลยได้แสดงข้อมูลหลักฐานหักล้างกันอย่างเป็นธรรมซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานะจำเลยได้อ้างพยานฝ่ายจำเลยมากกว่าฝ่ายโจทก์ถึงเกือบเท่าตัวด้วยซ้ำ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ เองประกาศมาตลอดว่ามั่นใจคำชี้แจงและความบริสุทธิ์ของตัวเอง และพร้อมจะต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมโดยย้ำว่าจะไม่หลบหนีอย่างเด็ดขาด แต่แล้วในวันฟังคำพิพากษาของศาล 25 ส.ค.ที่ผ่านมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ กลับพลิกลิ้นไม่ไปไฟคำพิพากษของศาลแล้วหนีออกนอกประเทศด้วยการวางแผนช่วยเหลือของ นักโทษชายแม้วผู้พี่
ที่ผ่านมาคนในระบอบแม้วพอศาลตัดสินถูกใจตัวเองถึงยอมรับว่าศาลยุติธรรม แต่พอศาลตัดสินไม่เป็นไปตามที่ตัวเองต้องการก็อ้างว่า2มาตรฐาน ถึงขนาดเคยบุกทำลายข่มขู่และประกาศไม่ยอมรับศาล องค์กรอิสระอย่างเหิมเกริมมาแล้ว
จากลูกไม้เดิมๆของ นักโทษชายแม้ว ถูกหลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์จับเท็จเพื่อสะท้อน
ตัวตนที่แท้จริงของอดีตนายกฯนักโทษหนีคุกโดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกฯ ตั้งคำถามว่า ทำไมตอนตัดสินคดีสลายกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่มีการยกฟ้อง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ น้องเขยของ นายทักษิณ จึงไม่อ้างคำพูดของ มงแต็สกีเยอ นายอภิสิทธิ์ยังให้ข้อคิดว่า เผด็จการในคราบประชาธิปไตยบางทีรุนแรงกว่าเผด็จการที่เปิดตัว
“ ถ้าเขามีความชัดเจนว่ากระบวนการยุติธรรมหรือการใช้กฏหมายมีการบิดเบือน ตรงไหน อย่างไรแล้วแสดงให้เห็น ผมว่าจะทำให้การอ้างมงแต็สกีเยอฟังได้ เช่น ถ้าเกิดมีใครไปทิ้งถุงขนมแล้วศาลรับถุงขนมแล้วตัดสินตามที่ขอ ถ้าอย่างนี้ผมว่าใช่เลย แต่นี่เรายังไม่เห็นมีอะไร อยู่ดีๆก็หยิบตรงนี้ขึ้นมา ผมไม่ปฏิเสธหรอกว่าเราจะวิจารณ์แต่ละคดีนั้น ผมเห็นด้วยกับทุกคดีที่ตัดสินไหม ผมก็ไม่ได้เห็นด้วย บางคดีผมก็แพ้ ฝ่ายผมก็แพ้ ผมก็ไม่เห็นด้วย แต่ว่าถ้าเราเลือกแต่จะบอกว่าเมื่อไหร่ที่เราแพ้แปลว่ามันสองมาตรฐาน แปลว่ามันบิดเบือน ผมว่ามันก็เกินไป ยกเว้นอย่างที่ผมบอก คุณมีหลักฐานไหมว่าผู้ที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมเขาใช้อำนาจหน้าที่ในทางไม่ชอบอย่างไร “
ขณะที่ นายพัสณช เหาตะวานิช ทีมงานของ นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ วิพากษ์การออกมาเคลื่อนไหวของ นายทักษิณ โดยมีสาระตอนหนึ่งว่า “ มงแต็สกิเยอเป็นผู้สร้างทฤษฏีแบ่งแยกอำนาจในระบอบการปกครองเสรีเป็น 3 ฝ่ายหรือ 3 เสาหลักประชาธิปไตยนั่นคือ นิติบัญญัติ บริหารและตุลาการ ซึ่งต่อมากลายเป็นต้นแบบประชาธิปไตยเสรีของทั่วโลก และที่ขำไม่ออกคือ”เสาตุลาการ”เสานี้แหละที่ทักษิณชอบบ่อนทำลายโดยเฉพาะเสาตุลาการของประเทศที่เป็นแผ่นดินเกิดของตัวเอง ความจริงถ้าจะให้ประชาชนคนหนึ่งได้นึกย้อนว่า สิ่งที่คุณทักษิณได้กระทำเลวร้ายต่อแผ่นดินเกิดอะไรไว้บ้างคงจะพอนึกได้คร่าวๆดังนี้และถ้ามงแต็สกิเยออยู่ในยุคเดียวกับทักษิณคงจะมี Quote อะไรที่เด็ดๆออกมาอีกไม่น้อย อาทิ
.... ไม่มีความเลวร้ายใดที่จะยิ่งไปกว่าการอ้างต่อประชาชนว่ารวยแล้วพอแล้ว แต่เมื่อเข้ามามีอำนาจก็ทำนิติกรรอำพรางซุกหุ้นเอไว้ในชื่อเครือญาติ คนรถ คนใช้ เพราะกลัวว่าจะต้องเสียภาษีจากการขายหุ้นนอกตลาดให้แผ่นดิน .... ไม่มีความเลวร้ายใดที่จะยิ่งไปกว่าการใช้อำนาจนายกฯให้เอ็กซ์ซิมแบงก์ปล่อยกู้ให้พม่าแบบอัตราดอกเบี้ยที่รัฐวิสาหกิจของชาติขาดทุนแล้วให้พม่ามาซื้อของจากบริษัทในเครือของตัวเอง ..... ไม่มีความเลวร้ายใดที่ยิ่งไปกว่าการใช้อำนาจนายกฯเปลี่ยนวันที่ 31 ธ.ค.เป็นวันทำงานของกรมที่ดินเพื่อให้ภรรยาสามารถไปซื้อที่ดินในราคาถูกกว่าคนอื่นได้
...... ไม่มีความเลวร้ายใดยิ่งไปกว่าการใช้อำนาจนายกฯบีบให้ธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้ให้บริษัทที่เจ๊งไม่มีสิทธิกู้ แต่แล้วสุดท้ายพบก้อนเงินจากบริษัทนั้นไหลไปอยู่ในกระเป๋าลูกชายตัวเอง
...... ไม่มีความเลวร้ายใดยิ่งไปกว่าการใช้อำนาจนายกฯแปลงสัมปทานมือถือ-ดาวเทียมเป็นสรรพสามิตเอื้อประโยชน์ประโยชน์เฉพาะบริษัทตัวเองทำให้รัฐสูญรายได้ แต่ธุรกิจตัวเองจ่ายต้นทุนน้อยลง แต่คู่แข่งยังจ่ายอัตราแพงกว่าเหมือนเดิม ...... ไม่มีความเลวร้ายใดยิ่งไปกว่าการฆ่าตัดตอนยาเสพติดจนมีคนตาย 2,500 คน รวมทั้งคนผิดจริงและผิดไม่จริง
....... ไม่มีความเลวร้ายใดยิ่งไปกว่าการผิดพลาดทางนโยบายจนเกิดเหตุการณ์กรือเซะ ตากใบและวาทกรรมโจรกระจอกที่เป็นต้นเหตุของความขัดแย้งในชายแดนภาคใต้จนถึงทุกวันนี้ ........ ไม่มีความเลวร้ายใดยิ่งไปกว่าการสู้ในศาลแล้วพอรู้ว่าจะแพ้เลยสั่งให้ลูกน้องเอาเงินสด 2 ล้านใส่ถุงขนมหวังจะไปติดสินบนศาล แต่ศาลไม่รับ ....... ไม่มีความเลวร้ายใดยิ่งไปกว่าการพยายามล้างผิดที่ตัวเองทำไว้ทั้งหมด ด้วยการลักหลับประชาชนตอนตี 4 สั่งการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมอ้างความปรองดองแต่พ่วงคดีทุจริตของตัวเองไว้
...... ไม่มีความเลวร้ายใดที่จะยิ่งไปกว่าการที่ตระกูลโกงที่ไม่เคยยอมรับในการโกงแบบล้างผลาญชาติของตัวเอง แต่ยังคงสร้างวาทกรรมบ่อนทำลายกระบวนการยุติธรรมของชาติอันเป็นเสาหลักที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งที่มงแต็สกิเยอได้สรรสร้างเอาไว้ แต่กระนั้นก็ตามเมื่อเป็นกรณีที่ตัวเองได้ประโยชน์จากกระบวนการยุติธรรมในกรณีไหนก็พร้อมจะกลับลำเชิดชูศาลทันที ตัวอย่างเช่น กรณีคดีสลายม็อบพันธมิตร นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ (อดีตนายกฯน้องเขยนายทักษิณ)กล่าวหลังศาลยกฟ้องว่า “ซาบซึ้งใจที่สถาบันตุลาการเป็นที่พึ่งของประชาชนได้”
และไม่มีความเลวร้ายใดเท่ากับเผด็จการในคราบประชาธิปไตยที่ใช้อำนาจเสียงข้างมากลบล้างความชั่วร้ายให้ตัวเอง โกงชาติปล้นแผ่นดินอย่างไม่ละอาย ก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมือง และ ทะเยอทะยานคิดร้ายบ่อนทำลายสถาบันเบื้องสูง
ด้าน น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ให้ความเห็น
ว่า “นายทักษิณมาในลูกไม้เดิมๆทุกอย่าง เช่น ในช่วงที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนยกฯได้ประโยชน์จากการตัดสินของศาล นายสมชายขอบคุณศาลที่เป็นที่พึ่งได้ พอช่วง น.ส.ยิ่งลักษณ์และนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ต้องถูกดำเนินคดี แม้น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังหนีก็ตามเนื่องจากไม่สามารถใช้ถุงขนมหรือส่งคนไปต่อรองได้เหมือนก่อนก็พยายามโยงไปเรื่องเผด็จการกระทำการต่างๆในนามกฏหมาย เราคนไทยต้องตั้งหลักช่วยกันดูแลประเทศให้ผ่านพ้นคนเหล่านี้ให้ได้ เอาระบบกฏหมายของประเทศเป็นที่พึ่ง ใครทุจริตก็ต้องถูกลงโทษ ประชาธิปไตยของเราต้องยู่บนพื้นฐานประโยชน์ของประชาชน คำกล่าวของมงแต็สกิเยออาจจะตามไม่ทันโลกที่เปลี่ยนเร็วมากนั่นคือ ไม่มีเผด็จการไหนที่จะป่าเถื่อนไปกว่าเผด็จการทุนสามานย์ที่อ้างการเลือกตั้งและใช้เสียงข้างมากกระทำการต่างๆ ทั้งทุจริตและให้ตนเองพ้นผิดโดยไม่แคร์ประชาชน “
เพราะฉะนั้นการที่อดีตนายกฯนักโทษหนีคุกออกมาเคลื่อนไหวด้วยการใช้แนวคิดของมงแต็สกีเยอเป็นเครื่องมือบิดเบือนเพื่อกลบเกลื่อนความชั่วร้ายของโครงการรับจำนำข้าวและการหลบหนีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์แทนที่จะเกิดผลดีตามแผนกลับเข้าเนื้อจากการถูกจับโกหกและเปิดโปงให้เห็นธาตุแท้ ตลอดจนตอกย้ำบรรดาเรื่องชั่วร้ายของนักโทษชายแม้วในอดีตให้สาธารณชนได้
รับรู้อีกครั้ง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี