การเข้าชื่อกัน 300 ชื่อ ของผู้พิพากษาศาลชั้นต้นคัดค้านร่าง พรบ. ฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม เสนอถึงเลขาธิการศาลยุติธรรม เป็นเรื่องที่น่าสนใจ และใส่ใจอย่างยิ่งของผู้ที่เกี่ยวข้อง
ประเด็นที่ผู้พิพากษาคัดค้านก็คือ
ที่มาของกรรมการตุลาการ (ก. ต. ) ตามรัฐธรรมนูญ พุทธศักราช 2560 มาตรา 156 บัญญัติถึงที่มาของกรรมการตุลาการผู้ทรงคุณวุฒิว่าให้มาจากกรรมการตุลาการแต่ละชั้นศาล ซึ่งก็ดีอยู่แล้ว ผู้พิพากษาแต่ละคนต่างรู้ดีว่า อยู่ในชั้นศาลใด เลือกอย่างไร
แต่ร่างใหม่ กลับเขียน ให้เลือกจาก ข้าราชการตุลาการที่ดำรงตำแหน่งในศาลชั้น
นี่เป็นการจงใจเพื่อจะให้เกิดความสับสน บิดเบือนเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
เป็นความพยายามที่จะตัดสิทธิ หรือทำให้โอกาสของข้าราชการตุลาการในศาลชั้นต้นลดน้อยลงขณะที่ ตุลาการชั้นสูงมีโอกาสมากกว่า
กล่าวคือ ตุลาการชั้น ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา ถ้าสามารถใช้สิทธิในชั้นศาลชั้นต้นได้ ก็มีโอกาสเหนือกว่า และไม่เป็นธรรมกับ ตุลาการศาลชั้นต้น เพราะผู้ที่ผ่านการทำงานจากศาลชั้นต้น จนไปสู่ศาลสูง ย่อมมีชื่อเสียง มีผู้ใต้บังคับบัญชา มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย
สมควรไปสู้กันเอง เลือกกันเองในชั้นศาลเดียวกัน ที่มีจำนวนคนที่จะลงเลือกตั้งน้อย มีผู้ใช้สิทธิน้อย(ในชั้นศาลอุทธรณ์ 750 คน ศาลฎีกา 150 คน
ในแต่ละชั้นศาล ตุลาการแต่ละชั้นศาลย่อมเห็นปัญหา เข้าใจปัญหา และแก้ปัญหาในแต่ละชั้นศาลได้ดีกว่าตุลาการในชั้นศาลอื่นๆ
ประเด็นเกี่ยวกับสัดส่วน ปัจจุบัน ผู้พิพากษาศาลฎีกา 150 ศาลอุทธรณ์ 750 คน ศาลชั้นต้น 3,849 คน
แต่ ก. ต. กลับมีสัดส่วน. 6 /4 /2 กล่าวคือ ศาลฎีกามีสัดส่วนมากกว่า เลือกจากจำนวนคนที่น้อยกว่า ขณะที่ศาลชั้นต้น มีจำนวนผู้พิพากษามากสุดกลับมีสัดส่วนน้อยสุด.
ซึ่งตรงนี้หนังสือร้องเรียนว่าไม่เป็นธรรม ไม่เป็นประชาธิปไตย !
การบริหารงาน การบังคับบัญชาคงจะเอาเรื่อง ประชาธิปไตย มาเป็นบรรทัดฐานทีเดียวไม่ได้ แต่ละชั้นศาล ต้องตระหนักว่า นี่คือข้าราชการตุลาการ ตุลาการผู้น้อย เสียงข้างมากในวันนี้ก็ต้องพฒนาไปสู่ 750 คน ในชั้นศาลอุทธรณ์ และก็ต้องมีอีกส่วนหนึ่งที่จะต้องมีชีวิตหลงเหลืออยู่ เป็น 150 คนหรือกว่านั้นในชั้นศาลฎีกา ซึ่งจะต้องดูแล ปกครอง หรือบริหารศาล
ประเด็นในการเลือกตั้ง ก. ต. ของแต่ละชั้นศาลนั่นเองที่สำคัญสุดที่ไม่ควรที่จะเข้าไปแก้ไข หรือพยายามที่จะกวนน้ำให้ขุ่น จากเดิมที่ดีอยู่แล้ว จนนำไปสู่ประเด็นอื่นๆให้เกิดความยุ่งยากเลย
ประชาชนได้เห็นการปฏิบัติหน้าที่ของ อนุ ก. ต. และ ก. ต. ที่ผ่านมา ในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตุลาการแล้ว ได้เห็นความเอาจริงเอาจัง ความเป็นเอกภาพ การใช้เหตุแลผล จนเป็นที่วางใจได้แล้วว่า ฝ่ายตุลาการ อยู่ในระเบียบ อยู่ในวินัย ปกครองกันเอง เป็นอย่างดี ดีกว่า ข้าราชการฝ่ายอื่นๆ หลายฝ่าย
ไม่เคยปรากฎข่าวโยกย้ายข้าราชการตุลาการ ต้องเสียเงินไปอยู่ในจังหวัดที่เป็นทำเลทอง 5 ล้านบาท10 ล้านบาท ไม่มีข่าวแย่งกันเป็นหัวหน้าศาล อธิบดีภาค ฯลฯ
มีบ้าง ข่าวลงโทษ ไล่ออก ปลดออก หรือลงโทษคนที่ทำความผิด (ซึ่งเป็นธรรมดาในสังคม)
ประชาชนก็อยากจะเห็นเช่นนี้ต่อไป กับสถาบัน ตุลาการ
สำเริง คำพะอุ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี