ขณะนี้เริ่มมีสัญญาณอะไรบางอย่างบ่งบอกว่า การเลือกตั้งอาจจะยังไม่เกิดขึ้นในเร็ววันนี้ ตามโรดแมป ในปลายปี 2561 ประมวลจากสถานการณ์รอบข้าง และเสียงสะท้อน ข้อเสนอจากส่วนต่าง ๆ
อดีตนักการเมืองเก๋า อย่างนายพิชัย รัตตกุล อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่เสนอให้พรรคการเมืองพรรคใหญ่ ทั้งประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทย พรรคเล็กพรรคน้อย ร่วมมือกับทหาร คสช.จัดตั้ง “รัฐบาลแห่งชาติ” เพื่อให้เกิดความปรองดอง ประเทศเดินไปข้างหน้า
โดยเชื่อมั่นว่า พลเอกประยุทธ์จันทร์โอชา จะสามารถเป็นผู้นำต่อไปได้ ทั้งนี้เห็นว่า บ้านเมืองไม่น่าจะมีทางออกอื่นในเวลานี้ กลายเป็นพาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์การเมืองของไทยโพสต์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา “ปลุกผีรัฐบาลแห่งชาติ” ปู่ พิชัย เสนอพรรคการเมืองจับมือทหาร
เชื่อ “ บิ๊กตู่” ทำได้ซึ่งดูสมเหตุสมผล โดยนายพิชัย เชื่อว่าจะไม่มีเลือกตั้งตามโรดแมปแน่นอน เพราะกฎหมายลูกคลอดยาก แม้จะมีโรดแมปชัดเจน เนื่องจากการเลือกตั้งได้ถูกเลื่อนมาหลายครั้งตั้งแต่ปลายปี 60 เลื่อนออกไปอีกเป็นปลายปี 61
อย่างไรก็ตาม นายพิชัย รัตกุล ได้เตือนพลเอกประยุทธ์ ลดความเป็นทหารที่พูดจาโผงฝผางกระโชกโฮกฮากโต้ตอบทุกประเด็น ให้ดูนุ่มนวลลง อย่างพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ รัฐบุรุษอาวุโส ซึ่งจะทำให้การปรองดองเป็นไปได้ ง่ายขึ้น
“ไม่ใช่จะสอน แต่พูดความจริง ความหวังของบ้านเมืองยังมีทางเลือกคือการมีรัฐบาลชุดต่อไปที่สวยงาม นั่นคือพรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ หรือพรรคอย่างภูมิใจไทยรวมกับพรรคทหาร ตั้งรัฐบาลแห่งชาติ แต่ไม่แน่ใจพรรคทหารหรือพรรคการเมืองจะเอาไหม ที่พูดมานี้เพื่อให้เกิดความปรองดอง”
ทั้งนี้ไม่ใช่การซูเอี๋ย แต่ไม่ต้องการให้พรรคการเมืองเป็นศัตรูกับทหาร เพื่อให้ทุกฝ่ายทำงานร่วมกัน เพื่อความปรองดองเพื่อชาติ ซึ่งคนที่เลือกทำอย่างนี้ได้คือพลเอกประยุทธ์ "ถ้าผมรู้จักกับพลเอกประยุทธ์ เป็นการส่วนตัว จะไปนั่งคุยกับท่านเรื่อง
นี้ “
นายพิชัย บอกอีกว่า หากจะตั้งรัฐบาลให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญตอนนี้หรือว่าทหารตั้งรัฐบาลฝ่ายเดียวหลังการเลือกตั้ง ไม่มีทางปรองดอง หรือทำให้เศรษฐกิจไปรอด เชื่อว่าโมเดลที่เสนอนี้จะทำให้เศรษฐกิจแล่นฉิว ไปรอด ต่างชาติเชื่อมั่นจากภาพการผนึกกำลัง ร่วมมือกัน ไปลิ่วฉิวเลย แม้ทางนี้จะยาก แต่หากพลเอกประยุทธ์จะทำจริงก็ทำได้”
นักสังเกตการณ์ทางการเมือง มองว่า ขณะนี้บรรยากาศทางการเมืองโดยรอบมาถึงจุดอิ่มตัวมากขึ้นหลังจากที่บ้านเมืองมีความขัดแย้ง แย่งชิงอำนาจกันมายาวนานนับ10 ปี กลุ่มการเมือง ทั้งกลุ่มอำนาจเก่า ของระบอบทักษิณ ที่สูญเสียอำนาจจากการทุจริตคอรัปชั่น และมีคดีความที่ถูกศาลตัดสิน ไปจนกระทั่งพยายามหาทางนิรโทษกรรมตัวเอง และพรรคพวกให้พ้นผิด แต่ก็ถูกประชาชนออกมาเดินขบวน ประท้วงขับไล่ ขณะที่มวลชนฝ่ายที่สนับสนุน ก็ออกมาต่อต้าน จน
กลายเป็นสงครามกลางเมืองย่อยๆ จลาจลเผาบ้านเผาเมือง จนเกิดการปฏิวัติ ยึดอำนาจโดย คสช. เมื่อปี 2557 และคสช. ได้เข้าบริหารประเทศมานับเป็นปีที่ 4ในขณะนี้ ทางคสช. พยายามหาทางปรองดอง ให้ทุกพรรคหันหน้ามาร่วมมือกัน แต่
จนแล้วจนรอดก็ยังไม่สำเร็จ
จนล่าสุด เกิดสถานการณ์ ที่น.ส. ยิ่งลักษณ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่กำลังจะถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิจารณาพิพากษาตัดสินในคดีจำนำข้าว เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม แต่น.ส.ยิ่งลักษณ์ เลือกวิธีหนีออกนอกประเทศ ไม่อยู่ฟังคำพิพากษา จนศาล ฯต้องเลื่อนฟังคำตัดสินไปวันที่ 27 กันยายนนี้ ซึ่งเป็นที่คาดกันว่า น.ส. ยิ่งลักษณ์ คงไม่มาฟังคำตัดสิน หลังจากที่รู้ผลการตัดสินคดีทุจริตระบายข้าวจีทูจี หรือจีทูเจี๊ยะ ที่นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และพวก รวม 28 คน ได้ถูกศาลฎีกา ฯ ตัดสินจำคุกกันคนละ 30 และ 40 ปีตามความหนักเบาของคดี เฉพาะตัวนายบุญทรง โดน 42 ปี ขณะที่นายภูมิ สารผล อดีตรัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ 36 ปี และนักธุรกิจพ่อค้าข้าวชาวจีน หรือเสี่ยเปี๋ยง นายอภิชาต จันทรสกุลพร โดน 46 ปี ซึ่งเกี่ยวโยงกับคดีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรี ที่เป็นประธานคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวและในฐานะประธานนบข.ที่ต้องรับผิดชอบโดยตรง มีแนวโน้มที่ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรอาจจะไม่รอดคุก ด้วยเหตุนี้ เธอจึงต้องหนีคดีออกไปต่างประเทศอย่างกระทันหัน อย่างที่ไม่มีใครคาดคิด ก่อนวันที่ศาลนัดฟังคำพิพากษาเพียงสองวัน คือวันที่ 23 สิงหาคม แม้แต่นายบุญทรง เองก็ไม่ระแคะระคายมาก่อน ยังเชื่อมั่นว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเดินทางมาฟังคำพิพากษา
ทว่าเมื่อถึงวันที่ศาลนัดฟังคำพิจารณาพิพากษาคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีชิงหนีออกนอกประเทศ นายบุญทรง ถึงกับหน้าซีด เดินคอตก เมื่อรู้ว่าตัวเองถูกทิ้งให้ต้องติดคุก
นายสมชาย แสวงการ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ว่า “ คนพวกนี้จิตใจโหดเหี้ยมมาก ทิ้งคุณบุญทรง และคนอื่น ๆ ให้ติดคุก โดยที่ตัวเองหนีเอาตัวรอด ... คนที่อยู่เบื้องหลังนายบุญทรงที่แท้จริง กลับไม่ถูกลงโทษใดๆ ซึ่งหากนายบุญทรง ยอมเปิดปาก ให้การกับศาล ถึงความจริงทั้งหมด นายบุญทรงอาจจะได้ลดหย่อนโทษลงมา” แต่นายบุญทรงเลือกที่จะภักดีต่อนายใหญ่ ไม่ยอมเปิดปาก ซึ่งเรื่องนี้ นายสุรนันท์ เวชชาชีวะ อดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย ที่เป็นเพื่อนสนิทของนายบุญทรง ได้ ออกมาเปิดเผยผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัวว่า นายบุญทรงเคยระบุชัดว่าเขายอมให้ความลับตายไปกับตัว จะไม่ยอมเปิดเผยความจริง ...
ประเด็นตอนนี้ ไม่ใช่อยู่ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ หนีไปได้อย่างไรออกไปทางช่องทางไหน คสช. และหน่วยงานความมั่นคง ที่มีพลเอกประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ได้ตกเป็นจำเลยของสังคม จะต้องหาหนทางจับกุมตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์กลับมารับโทษให้ได้ คสช. ถูกกระหน่ำหนัก โดยเฉพาะพลเอกประวิตรแก้ตัวอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น ....
ขณะที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ไปปาฐกถาพิเศษ ในงานขับเคลื่อนไทยแลนด์ 4.0 ล่าสุด เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ตอนหนึ่ง พูดถึง คนทำผิดกฎหมาย ก็ต้องติดคุก
อย่ามาบอกว่า มีแต่คนจนติดคุก คนรวยไม่ต้องติดคุก ...เพราะคุกมีไว้ขังคนทำผิดกฎหมายทุกคน... “แต่ที่คนรวยไม่ติดคุก เพราะหนี …. บางคนยังไม่ทันรู้ผลคำตัดสิน ก็หนีแล้ว...
สัญญาณปรองดอง เริ่มปรากฏ เมื่อ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ต้องหนีคุก และไม่มีโอกาสกลับประเทศ เพราะเงื่อนไขรัฐธรรมนูญใหม่ จะมีผลให้สามารถพิจารณาคดีลับหลังได้ และคดีไม่มีอายุความ ทำให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่มีโอกาสกลับประเทศเพราะต้องหนีไปตลอดชีวิต ดังนั้นการยอมร่วมเป็นรัฐบาลแห่งชาติ กับคสช. มีโอกาสที่พรรคทักษิณ จะได้ประโยชน์มากกว่าเสีย
นายอเนก เหล่าธรรมทัศน์ ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง กล่าวว่า ตอนนี้มีสัญญาณการปองดองว่าอาจจะจบได้ อย่าไปคิดว่า หลังเลือกตั้งพรรคการเมืองต่าง ๆ จะตั้งรัฐบาลไม่ได้ ซึ่งถ้าจำเป็นพวกเขาก็สามารถรวมกันได้
และมีคนที่ทหารไว้วางใจเข้ามาร่วมด้วย
“ถึงอย่างไรเขาก็เข้ามาร่วมกันดีกว่าที่เขาไม่มีโอกาส ยิ่ง น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางออกนอกประเทศ มีกระแสข่าวว่า เป็นเงื่อนไขพิเศษหนึ่ง ที่มีผลต่อการจัดตั้งรัฐบาลครั้งต่อไป ...เชื่อว่าการปรองดองอย่างไรเสียมันก็จบได้ เพราะมีอำนาจบางอย่างที่ทำให้จบ”
“การปรองดอง ไม่ใช่เปิดปุ๊ ปติดปั๊ป หากจะให้มาเป็นรัฐบาลร่วมกัน อีกฝ่ายก็คงอึดอัดที่ต้องไปร่วมกับฝ่ายที่เคยต่อสู้กัน แต่หากด้วยความจำเป็น พอรวมกันสักพักหนึ่ง เริ่มคุยกันมากขึ้นจะมีการประสานสร้างความสามัคคีขึ้นมา พรรคการเมือง นักการเมืองก็ต้องสร้างการยอมรับจากประชาชน ให้เด็ดขาดเสียที พรรคการเมืองจำเป็นต้องปฏิรูปตัวเอง เพื่อสร้างความชอบธรรม ไม่เช่นนั้นทหารจะล้มพรรคการเมืองตอนไหนก็ได้..”
ในส่วนนักวิชาการ มองว่า การจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ มีความเป็นไปได้มากที่สุด คือสูตรพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกับทหาร คสช. เพราะเคยมีความร่วมมือกันมาก่อน และพรรคขนาดรองลงมา แต่พรรคเพื่อไทยโอกาสที่จะไปร่วมคงเป็นไปได้ยาก
เพราะมวลชนทั่วไปอาจรับไม่ได้ อาจจะไปเป็นฝ่ายค้านมากกว่า ทั้งนี้ นายพิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต คณบดี คณะพัฒนาสังคมฯ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ให้ความเห็น และเชื่อว่า การเลือกตั้งน่าจะเกิดปลายปี 61 หรืออย่างช้าต้นปี 62
ขณะที่สภานิติบัญ ญัติแห่งชาติ(สนช.) เช่น นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ก็เห็นด้วยกับข้อเสนอนายพิชัย ถึงแนวทางการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ แต่มองว่าคงจะเป็นหลังเลือกตั้ง
“หลังเลือกตั้ง หากพรรคการเมืองทุกพรรค จับมือและคุยกันได้ มันก็เป็นเรื่องดีเพราะทุกอย่างจะเกิดขึ้นได้ ต้องอยู่ที่พรรคการเมือง ...ในความเห็นของผมสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้จำเป็นต้องให้คนกลาง อย่างพลเอกประยุทธ์ ทำหน้าที่ต่อไป ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้บ้านเมืองเกิดความปรองดองได้ เพราะท่านยังไม่มีจุดเสีย ในการบริหารประเทศในช่วงที่ผ่านมา และที่สำคัญ หากพรรคการเมืองตกลงกันได้ ก็ไม่ต้องถึงมือของ สว.สรรหา 250 คน ให้เข้ามาช่วยผลักดัน ซึ่งขณี้ยังไม่เห็นใครที่เป็นนักการเมืองที่เหมาะสมจะเข้ามาทำหน้าที่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน แต่อย่างใด”
ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ยังแบง่ รับแบง่ สู้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ไม่ได้คัดค้าน แต่คิดว่าเร็วไปที่จะพูด ประเด็นสำคัญ ตอนนี้ คือ คสช.ต้องสร้างสภาวะแวดล้อมบ้านเมือง ให้เดินไปข้างหน้า ไม่ให้ความขัดแย้งกลับไปสู่วังวนเดิมอีก
“ผมไม่แน่ใจ ข้อเสนอของคุณพิชัย ว่าจะจัดตั้งก่อนหรือหลังเลือกตั้ง ..”
ด้านพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่พูดเรื่องนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวถาม กล่าวเพียงสั้นๆว่า ยังไม่ถึงเวลาที่จะพูดเรื่องนี้“ไม่มีความเห็น ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดในช่วงนี้”
“อย่างไรก็ตาม การเมืองไทย ไม่มีความแน่นอน ทุกอย่างสามารถเปลี่ยนแปลงพลิกผันได้ตลอดเวลา จะคาดการณ์ล่วงหน้าไม่ได้ ต้องคอยจับตาความเคลื่อนไหวต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด” นายพิชาย รัตนดิลก ณ.ภูเก็ตให้ข้อสังเกต
อย่างไรก็ตาม อนาคตการเมืองไทยอยู่ในมือของประชาชนไทยทุกคนที่จะต้องร่วมกันคิด-ร่วมกันกำหนดทิศทางเดิน อย่าปล่อยให้คนกลุ่มใด-กลุ่มหนึ่งผูกขาดและกำหนดความเป็นไป หลายความคิด-หลายสมอง-มากมายความเจนจัดและประสบการณ์ย่อมเป็นหลักประกันแห่งความถูกต้อง เที่ยงธรรม และอำนวยประโยชน์สุขแก่คนทั้งชาติได้ดีกว่า………..
อัมพา สันติเมทนีดล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี