หลายคนยังชื่นชมอเมริกาอย่างไม่เสื่อมคลาย เพราะเชื่อมั่นว่าประเทศนี้คือเบ้าหลอมแห่งเสรีภาพ ซึ่งหากมองย้อนประวัติศาสตร์หน้าแรกของการก่อตั้งประเทศแล้ว บริบทในเวลานั้นเอื้อต่อการแสวงหาสิทธิและเสรีภาพอย่างยิ่ง เพราะความเป็นชาติเริ่มก่อตัวมาตั้งแต่ยุคสิบสามอาณานิคมโดยอังกฤษ
เมื่อก่อตั้ง 13 อาณานิคม ชาวอาณานิคมเริ่มมีการประชุมกันเพื่อหาทางปรับปรุงอาณานิคมให้ดีขึ้น จึงมีการพบปะพูดคุยกันเป็นประจำ และในการประชุมแต่ละครั้งก็สามารถแสดงความคิดเห็นของตนได้อย่างเสรี รวมทั้งมีสิทธิในการเลือกตัวแทนเข้าสภาอาณานิคม จุดนี้เองที่เป็นต้นกำเนิดของเสรีภาพในการพูดหรือ Freedom of Speech การประชุมของชาวอาณานิคมทำให้รัฐบาลอังกฤษไม่พอใจอย่างยิ่ง แต่การประชุมของชาวอาณานิคมนี่แหละที่นำไปสู่การปฎิวัติและเป็นอิสระจากอังกฤษ จึงทำให้คำว่า “เสรีภาพ” เป็นแรงขับเคลื่อนในการก่อร่างสร้างประเทศสหรัฐอเมริกาในเวลาต่อมา
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามเสรีภาพนั้นควรมีขอบเขตจำกัดทุกเรื่อง เพื่อให้ขอบเขตแห่งเสรีภาพไม่ล่วงละเมิดและทำร้ายระหว่างกัน แต่บางครั้งเสรีภาพอันปราศจากการควบคุมเข้มงวดในบ้านลุงแซมก็ส่งผลกระทบร้ายแรงอย่างชนิดที่คาดไม่ถึง จนเกิดเหตุโศกนาฎกรรมซ้ำแล้วซ้ำอยู่ร่ำไป
ใครๆก็รู้ว่าลุงแซมเป็นพ่อค้าอาวุธและมาเฟียผู้เสพความตายระดับโลก แต่วันร้ายคืนร้าย การให้สิทธิ์พกปืนดยเสรีก็ประทุผลในบ้านตัวเอง ครั้งแล้วครั้งเล่าเหมือนต้องคำสาป อาทิตย์นี้ก็เกิดเรื่องขึ้นอีกแล้วในโรงเรียนแห่งหนึ่งในวอชิงตัน อันเป็นช่วงที่มะริกันชนส่วนหนึ่งในฟลอริต้ากำลังแตกตื่นหนีตายจากภัยเฮอริเคน ข่าวนี้เลยเงียบๆ ไป เพราะถูกข่าวเฮอริเคนกลบหมด
เกิดเหตุสลดไม่คาดฝันขึ้นในโรงเรียนไฮสกูลของรัฐวอชิงตัน นักเรียนเกรด 9 วัย 14 ปีคนหนึ่งซึ่งเป็นมือปืนควงปืน 2 กระบอกเข้ามาในโรงเรียนมัธยมฟรีแมน เมืองร็อกฟอร์ด ซึ่งอยู่ใกล้กับเมืองสโปกแคนที่ตั้งตามชื่ออินเดียนแดงเผ่า “สโปกแคน”
พยานในเหตุการณ์ซึ่งเป็นนักเรียนเกรด 9 และเป็นเพื่อนร่วมชั้นมาตั้งแต่สมัยประถมของมือปืนเล่าว่า มือปืนที่เป็นเพื่อนร่วมชั้นรายนี้มีปืนพก 2 กระบอก โดยควงปืนเดินไปตามทางเดินของชั้นเรียนต่างๆ เมื่อยิงนักเรียนคนอื่นๆแล้ว มือปืนไม่ได้ตื่นกลัวหรือสะทกสะท้านแต่อย่างใด กลับไล่ยิงนักเรียนในโรงเรียนแบบไม่เลือกหน้าอย่างใจเย็นมาก
พยานซึ่งเป็นเพื่อนนักเรียนหญิงของมือปืนเล่าต่อด้วยสีหน้าตระหนกตกใจว่า เธอไม่คิดว่าเพื่อนร่วมชั้นรายนี้จะทำอะไรรุนแรงต่อคนอื่นได้ เพราะโดยปกติหนุ่มน้อยรายนี้เป็นคนรักสนุกชอบสังสรรค์เฮฮา แต่ก็ยอมรับว่า นักเรียนชายผู้ก่อเหตุโพสต์ข้อความประกาศว่าจะก่อเหตุระทึกขวัญขึ้นก่อนหน้านี้ แต่ไม่มีใครใส่ใจเพราะนึกว่าเป็นเรื่องอำกันเล่นๆ
ผู้เสียชีวิตเป็นเพื่อนนักเรียนอีกคนที่พยายามหว่านล้อมมือปืนให้วางปืนลง แต่ปรากฎว่ามือปืนกลับยิงใส่อย่างไม่ปรานี แล้วยิงนักเรียนคนอื่นๆ อีก 3 คน ครูและเจ้าหน้าที่โรงเรียนฟรีแมน ไฮสกูล สามารถควบคุมตัวนักเรียนชายมือปืนไว้ได้ก่อนที่ตำรวจจะมาถึง ไม่มีสาเหตุจูงใจใดๆ ที่ทำให้นักเรียนคนนี้ก่อเหตุสยอง
บ้านลุงแซมกลายเป็นประเทศที่เกิดเหตุการณ์การกราดยิงมากที่สุดในโลกไปแล้ว ก่อให้เกิดการถกเถียงทั่วโลกว่า ทำไมจึงเกิดเหตุสะเทือนขวัญเช่นนี้อยู่ตลอดเวลา หรือว่านี่คือความปกติในสังคมอเมริกัน..?
รายงานของสถาบันสุขภาพแห่งชาติของสหรัฐหรือเอ็นไอเอชระบุว่า สหรัฐเป็นประเทศที่มีอัตราการกราดยิงเพื่อสังหารหมู่เป็นจำนวนมากครั้งที่สุดในโลก โดยอยู่ที่ 90 ครั้งระหว่างปี พ.ศ. 2509-2555 คิดเป็นสัดส่วนเกือบ 1 ใน 3 ของเหตุกราดยิงทั้งหมดที่เกิดขึ้นบนโลก
ตามรายงานยังระบุว่าอเมริกาเป็นประเทศที่มีจำนวนอาวุธปืนหมุนเวียนในตลาดมากที่สุดในโลกด้วยเช่นกัน อยู่ที่ประมาณ 270-310 ล้านกระบอก เทียบกับจำนวนประชากรทั้งประเทศอยู่ที่ราว 319 ล้านคน ซึ่งหมายความว่าชาวอเมริกันแทบทุกคนมีปืนเป็นของตัวเองอย่างน้อยคนละ 1 กระบอก
ทุกครั้งที่เกิดเหตุกราดยิง มะริกันจะหันหน้ามาถกประเด็นเรื่องการควบคุมอาวุธปืนอีกรอบ ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องมีฝ่ายที่เห็นด้วยและฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยในเรื่องการควบคุมอาวุธปืน
ฝ่ายที่ไม่อยากให้มีการควบคุมอาวุธปืนก็ชักแม่น้ำทั้งห้ามาสาธยายว่าการก่อร่างสร้างบ้านลุงแซมนั้นสร้างมาจากปืน อเมริกาเป็นประเทศที่ก่อร่างตั้งตัวขึ้นมาด้วยการพึ่งพาตนเองเป็นหลัก อาวุธถือเป็นสิ่งจำเป็นตั้งแต่ในยุคเริ่มบุกเบิกจนตั้งประเทศได้ บวกกับการให้สิทธิเสรีภาพให้แก่บุคคลย่อมมีสิทธิ์ในการป้องกันชีวิตและทรัพย์สินของตนเอง
ดังนั้นการให้ประชาชนมีอาวุธปืนไว้ใช้ป้องกันตนเองจึงถูกตราไว้ในรัฐธรรมนูญสหรัฐว่าเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของปวงประชา การครอบครองอาวุธปืนเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกา และการออกกฎหมายควบคุมอาวุธปืนจะยิ่งทำให้ผู้บริสุทธิ์ตกเป็นเหยื่อของอาชญากรต่างๆ มากยิ่งขึ้น เนื่องจากไม่สามารถปกป้องตัวเองจากภัยคุกคามต่างๆ ได้ จากนั้นก็ยกสโลแกนเก๋ๆ ขึ้นมาตบท้ายว่า
“Gun does not commit crime, people do !”
ส่วนฝ่ายที่อยากให้มีการควบคุมอาวุธปืนก็ลุกมาโต้แย้งแสดงเหตุผลนานาประการเช่นกัน ว่าจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีกฎหมายที่เข้มงวดกว่านี้ในการครอบครองอาวุธปืน เพื่อลดความเสี่ยงที่เหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นอีก งานศึกษาหลายชิ้นพบความเชื่อมโยงระหว่างจำนวนการครอบครองปืนและการฆาตกรรม คือรัฐที่มีผู้ครอบครองปืนมากกว่าจะมีเหตุการณ์ฆาตกรรมมากกว่ารัฐอื่น
ทุกครั้งที่มีการถกเถียงในเรื่องนี้ มักถูกคัดค้านอย่างแข็งขันจากเหล่าบริษัทผู้ผลิตปืนทั้งหลายในทำนองที่ว่าการครอบครองปืนเป็นสิทธิพื้นฐานที่จะให้ใครมาละเมิดมิได้ แต่จะว่าไปแล้วก็ไม่ใช่เรื่องสิทธิเสรีภาพอะไรหรอก แต่เป็นเรื่องผลประโยชน์ล้วนๆ เพราะถ้ามีการควบคุมอาวุธปืนขึ้นมาจริงๆ บริษัทผลิตปืนทั้งหลายที่จะเสียรายได้มหาศาลอย่างแน่นอน ถึงเกิดการคัดค้านตลอดเวลา
นาทีนี้ไม่ต้องดูอื่นดูไกลเลยในเรื่องการนิยมความรุนแรง มีรายงานข่าวออกมาว่า อเมริกันชนส่วนใหญ่สนับสนุนใช้กำลังทหารกับเกาหลีเหนือ ผลสำรวจความคิดเห็นของผู้ใหญ่ในบ้านลุงแซม 1,022 คนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พบว่ามีถึง 58 เปอร์เซ็นต์ที่บอกว่าอยากให้ใช้ปฏิบัติการทางทหารกับเกาหลีเหนือ หากว่าไม่สามารถบรรลุเป้าหมายด้วยสันติวิธี
ในหมู่รีพับลิกันมีถึง 82 เปอร์เซ็นต์ที่อยากใช้กำลังทหาร สวนทางกับเดโมแครตที่มีเพียง 37 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ผู้มีแนวคิดอิสระทางการเมือง สนับสนุนให้ใช้ปฏิบัติการทางทหาร 56 เปอร์เซ็นต์
เอาแค่ตรงนี้แหละ..ถามตรงๆเลยว่าลุงแซมมีสิทธิ์อะไรไปวุ่นวายเรื่องชาวบ้าน กระหายสงครามและความรุนแรงมากจนกระทั่งละเลยสามัญสำนึกว่า นี่คือการเข้าไปก้าวก่ายเรื่องภายในประเทศของคนอื่น โดยอ้างความชอบธรรมให้ตนเองเหมือนที่ผ่านมาทุกยุคสมัย ราวกับว่าลุงแซมยังเป็นพระเอกขวัญใจแม่ยกชาวโลกอยู่ร่ำไป อย่าอ้างเลยว่านี่คือเสรีภาพในการละเมิดของลุง เพราะนี่คือการกระเหี้ยนกระหือและกระหายความรุนแรงต่างหาก ที่สำคัญ ยิ่งเกิดสงครามยิ่งขายอาวุธได้มากเป็นเงาตามตัว เสรีภาพที่แฝงผลประโยชน์ของกลุ่มทุนเท่านั้นแหละคือคำตอบ ไม่ต้องมาวางมาดพระเอกให้น่าคลื่นไส้หน่อยเลย จัดการเรื่องขยะในบ้านให้เสร็จก่อนแล้วค่อยคลานออกมาปกป้องโลกเถอะนะ ลุงแซม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี