ยาเม็ดเป็นรูปแบบยาที่พบมากที่สุดในท้องตลาด ซึ่งถูกผลิตออกมาให้มีความสะดวกในการรับประทาน แต่ก็ไม่ใช่ทุกกรณีไปเนื่องจากผู้ป่วยบางราย เช่น ผู้ป่วยเด็ก อาจกินยาเม็ดไม่เป็น ผะอืดผะอม งอแง กินยาไม่ได้ หรือผู้ป่วยที่ใส่สายให้อาหารทางจมูก ทำให้ใส่ยาทั้งเม็ดเข้าไปไม่ได้ ซึ่งหากผู้ดูแลผู้ป่วยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ บดเม็ดยาให้ละเอียด ละลายใส่น้ำเพื่อหวังจะให้ผู้ป่วยกินยาได้ง่ายขึ้น นั่นเป็นวิธีการที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่งและจะส่งผลเสียต่อผู้ป่วยด้วย
เภสัชกรหญิง ปภาวี ศรีสุข จากงานเภสัชกรรม ศูนย์การแพทย์ปัญญานันทภิกขุชลประทาน มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เผยว่า เมื่อเรารับประทานยาเม็ดเข้าไป หลังจากที่ยาเคลื่อนที่ผ่านปาก ยาเม็ดจะเดินทางไปยังหลอดอาหาร และเกิดการละลายที่กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก และถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดที่ลำไส้เล็ก หากเป็นยาเม็ดธรรมดาจะละลายทั้งเม็ดและถูกดูดซึมไป การบดเม็ดยาธรรมดาไม่ได้ส่งผลเสียต่อผู้ป่วยมากนักแต่ว่ายาเม็ดประเภทต่างๆ ที่ผลิตออกมาไม่ได้มีแค่ยาเม็ดธรรมดาเท่านั้น ยังมียาเม็ดเคลือบชนิดต่างๆ ที่มีจุดประสงค์ในการเคลือบแตกต่างกันออกไป ซึ่งจุดนี้คือข้อควรคำนึงถึงก่อนตัดสินใจบดยา จุดประสงค์ในการเคลือบเม็ดยาที่พบมากได้แก่
1. เพื่อควบคุมการปลดปล่อยตัวยา เพราะยาบางชนิดมีระยะเวลาการออกฤทธิ์สั้น เป็นเหตุให้ต้องกินยาถี่ๆ ถ้าวันหนึ่งกินยาหลายครั้งการเอาสารบางอย่างมาเคลือบเม็ดยาไว้เพื่อให้ยาออกฤทธิ์ได้ยาวขึ้น การกินยาอาจจะเหลือแค่วันละครั้งหรือสองครั้งเท่านั้น ก็สามารถควบคุมอาการป่วยได้ดีขึ้น เนื่องจากระดับยาในเลือดสม่ำเสมอ ยาเม็ดชนิดนี้จะมีปริมาณยาต่อเม็ดมากกว่ายาเม็ดธรรมดาหลายเท่า และค่อยๆ ปล่อยตัวยาทีละนิดตลอดทั้งวัน ดังนั้นหากบดยาชนิดนี้ก็จะทำให้เม็ดยาเสียการควบคุมปลดปล่อยตัวยาไป ปริมาณยาทั้งหมดที่มีก็จะปล่อยออกมาหมดเลย ผู้ป่วยอาจได้รับขนาดยาสูงเกินไปจนเกิดอันตรายได้ ยาดังกล่าวมักมีชื่อลงท้ายด้วย MR (เอ็มอาร์), SR (เอสอาร์), CR (ซีอาร์) และ XR (เอ็กซ์อาร์) เช่น ยาเบาหวาน Diamicron® MR , Glucophage® XR
2. เพื่อป้องกันกรดในกระเพาะอาหารทำลายตัวยา ซึ่งยาบางชนิดอาจถูกทำลายได้ในสภาวะกรด ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอนเมื่อยาเคลื่อนที่ผ่านกระเพาะอาหาร ยาเหล่านี้จึงถูกเคลือบเพื่อป้องกันกรดในกระเพาะ และไปถูกดูดซึมที่ลำไส้เล็กได้ ดังนั้นหากบดยาเหล่านี้ เมื่อรับประทานเข้าไปยาจะถูกทำลายตั้งแต่กระเพาะอาหาร และถูกดูดซึมที่ลำไส้เล็กน้อยกว่าที่ควรจะเป็น ยาประเภทดังกล่าวได้แก่ ยาลดกรด Omeprazole (โอมีปราโซล)
3. เพื่อป้องกันการระคายเคืองกระเพาะอาหาร เพราะยาบางชนิดมีโอกาสทำให้เกิดการระคายเคืองทางเดินอาหาร หากตัวยาสัมผัสกับกระเพาะอาหารโดยตรง ยาประเภทนี้จึงจะถูกนำมาเคลือบเพื่อให้ยาผ่านกระเพาะอาหาร โดยที่ไม่เกิดอาการข้างเคียง เช่น ปวดท้อง แสบท้อง ดังนั้นการบดยาเหล่านี้อาจทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการข้างเคียงดังกล่าวได้ ตัวอย่างยากลุ่มนี้ เช่น Aspirin (แอสไพริน)
น.ส.อาธร สิทธิสาร : ข่าว / หน่วยสื่อสารองค์กร งานบริหารทรัพย์สิน
เภสัชกรหญิง ปภาวี ศรีสุข เภสัชกร : แหล่งข่าว
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี